Startup Thailand | TH |
“ญี่ปุ่น” พันธมิตรแห่งนวัตกรรม Deep Tech
ที่สตาร์ตอัปไม่ควรมองข้าม
ประเทศญี่ปุ่น กำลังก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของการสนับสนุนสตาร์ตอัประดับโลก โดยเฉพาะในสายเทคโนโลยีเชิงลึก (DeepTech) ผ่านหน่วยงานหลักอย่าง NEDO (New Energy and Industrial Technology Development Organization) ซึ่งเป็นองค์กรภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันนวัตกรรมและการวิจัยพัฒนา (R&D) ภายใต้งบประมาณกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี พร้อมวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการสร้างระบบนิเวศสตาร์ตอัปให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตอนนี้ NEDO (New Energy and Industrial Technology Development Organization) มีสำนักงานต่างประเทศที่ดำเนินงานอยู่แล้วหลายแห่งทั่วโลก เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม นอกจากนี้ในปีนี้กำลังไปขยายที่จาการ์ตา อินโดนีเซีย ในส่วนของประเทศไทย NEDO มีการดำเนินงานโปรเจคที่เกี่ยวข้องด้านพลังงานหมุนเวียน (Renewable energy) และด้านแบตเตอรี่ EV มากกว่า 30 โปรเจค
รัฐบาลญี่ปุ่นกำหนดยุทธศาสตร์ระยะ 5 ปีในการเพิ่มจำนวนสตาร์ตอัปในประเทศให้เติบโต 10 เท่าภายในปี 2027 โดยเน้นทั้งการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งทุน โดยมีเงินทุนสนับสนุน 690 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีเชิงลึก และการสร้างทางออก (Exit Strategy) ที่หลากหลายมากขึ้น เช่น IPO หรือการควบรวมกับบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นทิศทางที่เอื้อต่อการเติบโตของสตาร์ตอัปในทุกระยะ ไม่ว่าจะอยู่ในขั้น Seed, Early หรือ Middle stage
สำหรับจุดเด่นของญี่ปุ่น อยู่ที่ความชัดเจนและเอื้อประโยชน์ของโครงการสนับสนุน โดยเฉพาะโครงการ DTSU (Deep Tech Startup Support Program) จาก NEDO ซึ่งออกแบบให้ครอบคลุมตั้งแต่สตาร์ตอัประยะเริ่มต้น ไปจนถึงระยะที่พร้อมขยายกิจการ โดยใช้เงินทุนแบบ “เงินอุดหนุน” ไม่ใช่การลงทุนในรูปของหุ้น ทำให้ผู้ก่อตั้งยังคงควบคุมกิจการได้เต็มที่และไม่ถูกลดสัดส่วนความเป็นเจ้าของ อีกทั้งยังสามารถใช้เงินทุนได้สูงถึง 50% สำหรับการดำเนินงานนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโอกาสทองสำหรับสตาร์ตอัปจากประเทศต่าง ๆ ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นโดยไม่ต้องย้ายฐานหลักทั้งหมด
ในแง่ของการเข้าเกณฑ์รับการสนับสนุน สตาร์ตอัปต่างชาติเพียงแค่ต้องจดทะเบียนในญี่ปุ่น ไม่ถูกควบคุมโดยกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ก่อตั้งมาไม่เกิน 10 ปี และสามารถจัดทำข้อเสนอเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นเกณฑ์ที่เอื้อต่อการเริ่มต้นของผู้ประกอบการที่มุ่งมั่นจริงจัง
นอกจากด้านการเงินแล้ว ญี่ปุ่นยังเปิดกว้างต่อการเรียนรู้และเชื่อมต่อกับนานาชาติ เช่น โครงการ Imagine ที่ส่งทีมสตาร์ตอัปไปฝึกอบรมใน Silicon Valley และปารีส รวมถึงการจัดงาน Global Startups Expo 2025 ที่โอซาก้า ซึ่งจะรวมเอาปัญหาระดับโลกมาเป็นโจทย์สำหรับสตาร์ตอัปในการนำเสนอทางออกเชิงนวัตกรรม ทั้งในด้านพลังงาน อุตสาหกรรมสีเขียว ปัญญาประดิษฐ์ และเศรษฐกิจหมุนเวียน
ในส่วนของผู้ประกอบการไทยที่มีความเชี่ยวชาญด้าน DeepTech หรือเทคโนโลยีที่ใช้แก้ปัญหาระดับโลกนั้น ญี่ปุ่นจึงไม่ใช่เพียงแค่ตลาด แต่เป็นพันธมิตรที่พร้อมสนับสนุนอย่างจริงจังตั้งแต่วันแรกของการเริ่มต้น และหากคุณกำลังมองหาประเทศที่ให้ทั้งทุน เทคโนโลยี โอกาสทางธุรกิจ และเครือข่ายระดับโลก ญี่ปุ่นก็เป็นหนึ่งในจุดหมายที่ไม่ควรมองข้าม