HealthTAG

HealthTAG…แพลตฟอร์มแก้ปัญหาข้อมลสุขภาพอย่างยังยืน

AIYA แชตบอท เพื่อ SMEs – ค้าออนไลน์ พันธมิตรระดับโลก

นพ.เดโชวัต พรมดา ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท Medicense Intelligence จำกัด

HealthTAG หรือเครือข่ายเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ ก่อตั้งและพัฒนาโดย นายแพทย์เดโชวัต พรมดา ปัจจุบันรู้จักกันในฐานะที่เป็นบัตรประจำตัวสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ คล้ายกับบัตรประชาชนด้านสุขภาพที่บันทึกข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล (Personal Health Record) โดยมีกุญแจฝังอยู่ในชิปเข้ารหัสแบบพิเศษที่ใช้เป็นตัวกลางในการเข้าถึงข้อมูล ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยทางข้อมูล (Data Privacy) โดยผู้ที่มีสิทธิเก็บและเข้าถึงข้อมูลได้คือ บุคคลผู้เป็นเจ้าของกับบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเขาเจอปัญหาซ้ำๆ และแทนที่จะอยู่เฉย เขาลงมือทำเพราะเขาเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขและมีทางออกเสมอ

“ผมไม่ได้เป็นคนที่ต้องวางแผนเยอะ แต่เน้นที่การลงมือทำ เน้นที่การแก้ปัญหามากกว่า ผมชอบคำพูดหนึ่งของเนลสัน แมนเดลา ‘It always seems impossible until it’s done.’ ทุกอย่างที่ดูยาก ดูเป็นไปไม่ได้ จนกระทั่งเราทำเสร็จ เป็นปรัชญาที่ผมค่อนข้างเชื่อ ต่อให้โจทย์มันยากก็มักจะมีหนทางในการแก้ปัญหา ทุกอย่างเป็นโจทย์ที่มีคำตอบ”

ปัญหาคือจุดเริ่มต้นของทางออก

ถ้าไม่มีปัญหา ทุกอย่างก็ไม่ได้รับการแก้ไข ไม่ได้ทำให้ดีขึ้น และเมื่อปัญหาได้รับการค้นพบโดยคนที่ชอบแก้ปัญหา จึงเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์ให้โลกใบนี้ดีขึ้นได้

“ต้องเท้าความไปนิดหนึ่งว่า โดยพื้นฐานผมเป็นเด็กเล่นเกม ขี้เกียจ ชอบแก้ปัญหา ชอบเอาชนะ เรียนจบมานานแล้ว เรียกได้ว่า จบปุ๊บจับผลูมาสร้างผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก็ว่าได้ เพราะอยู่มาวันหนึ่ง ผมตั้งข้อสงสัยในงานที่ทำ ซึ่งเจอปัญหาเดิมซ้ำๆ ส่วนตัวถ้าปัญหาเดิมเกิดขึ้นสามครั้ง ผมคิดว่าควรจะได้รับการแก้ไข ปัญหาก็คือเวลาที่คนไข้มาหาหมอ ทำไมหมอต้องพูดเรื่องเดิม ปัญหาเดิมซ้ำๆ ผู้ป่วยคนหนึ่งเป็นโรคหัวใจทำไมไปมาตั้งห้าโรงพยาบาล ให้กินยาอะไรบ้างถามคนไข้ก็ไม่รู้ ถุงยาก็ไม่เห็น ผมตั้งคำถามแล้วสุดท้ายพบว่า เกิดจากการเชื่อมโยงข้อมูลของคนไข้ยังไม่เป็นมาตรฐานดีพอ จริงๆ ผมก็ไม่ได้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีอะไรมากมายครับ เรียนแพทย์มาโดยตรงเลย แต่มีเพื่อนๆ ที่จบวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ หรือวิทยาการคอมพิวเตอร์ ก็ไปเล่าถึงสิ่งที่เราอยากแก้ไขให้เขาฟัง แล้วเขามองว่าฟังดูมีเหตุมีผลและน่าจะเป็นประโยชน์ มีเราเป็นตัวเริ่มต้น เพื่อนเป็นโซลูชั่น ช่วยกันสร้างเครื่องมือที่จะทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ พูดง่ายๆ คือเราคิดที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการแลกเปลี่ยน เป็นแพลตฟอร์มการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพที่มีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางครับ โดยตอนแรกที่เราสร้างผลิตภัณฑ์ออกมาคือเป็นแอปพลิเคชัน ตอนนี้ก็เหมือนเป็นบัตรประจำตัวสุขภาพสำหรับเข้าสู่ระบบข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล สามารถใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนหรือเครื่องอ่าน NFC เพื่อเข้าดูข้อมูลสุขภาพได้ คนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนก็ไม่ต้องให้เขามาโหลดแอปฯ ครับ เราแก้ปัญหาตรงนี้ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของเราสามารถเข้าถึงได้ทุกคน”

โควิด-19 คือตัวเร่งปฏิกิริยา

ปัจจุบันนี้ HealthTAG ได้เข้าไปมีบทบาทในวงการการแพทย์แล้ว แต่ยังนับว่าเป็นเรื่องใหม่ การให้ความรู้และผลักดันทำให้เกิดการนำไปใช้จริงๆ เป็นเรื่องสำคัญ แต่ ณ วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นก็ถือว่าเร็วกว่าที่ควรจะเป็นแล้ว เพราะหากจะนับไปอาจต้องใช้เวลาอีกประมาณ 5-10 ปี แต่เมื่อมีวิกฤติโควิด-19 เท่ากับเขย่าวงการแพทย์ให้ตื่นตัวมากขึ้น เรียกได้ว่า โควิด-19 คือตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้ทุกคนในวงการแพทย์ตระหนักว่า ข้อมูลที่เชื่อมโยงถึงกันนั้นสำคัญมาก “ทุกคนรู้แล้วครับว่าระบบข้อมูลที่เชื่อมโยงถึงกันเป็นเรื่องจำเป็น แต่การที่จะทำให้สถานพยาบาลต่างๆ ยอมจ่ายเงินกับระบบนี้อาจจะยังเร็วเกินไป แต่ก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปครับ เราเองก็คือได้ก้าวเข้าไปอยู่ในตลาดแล้ว มีลูกค้าแล้วครับ ช่วงแรกลูกค้าคือรัฐบาล ช่วงหลังๆ ก็มีทั้งทางรัฐและเอกชนครับ เครือข่ายโรงพยาบาล กลุ่มโรงเรียนแพทย์ เช่น โรงพยาบาลศิริราชทั้งเครือ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และกำลังขยายสู่โรงเรียนแพทย์อื่นๆ เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ทางด้าน Active user ในระบบปัจจุบันเรามีประมาณ 10,000 ราย แต่ว่าในส่วนของข้อมูลที่มีการบันทึกอยู่ในระบบเกินห้าแสนแล้วครับ แค่นี้ก็ทำให้เราได้เห็นว่าทุกคนมีความต้องการใช้ข้อมูลเหล่านี้บนความยินยอมของเจ้าของข้อมูล เรากำลังพยายามทำให้เห็นว่าถ้ามีระบบอำนวยความสะดวกที่ดี ก็ทำให้เกิดการใช้งานข้อมูลมากยิ่งขึ้นและง่ายขึ้นได้ครับ”

ความไม่รู้คือความยากแต่ไม่ใช่อุปสรรค

กว่าจะรู้ กว่าจะมั่นใจ ว่าธุรกิจที่ทำอยู่นั้นดำเนินมาถูกทางแล้ว เราไม่ได้คิดไปเอง อาจจะต้องทุ่มเทและใช้เวลาไปไม่น้อย ระหว่างทางที่เวลาหมุนไป ไม่ใช่แค่ต้องลงมือทำเท่านั้นแต่ยังต้องพยายามให้มากพอ “ความยากคือ ผมไม่ได้จบธุรกิจ เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างเดียวคือทางการแพทย์สอง แพลนในกระดาษจะสวยงามแค่ไหน ก็ไม่ยากเท่าการลงมือทำ เพราะมีทั้งองค์ประกอบทางด้านจิตใจ ด้านปฏิบัติการ เรื่องเวลาที่ต้องใช้ในการทำธุรกิจต่างๆ ไม่ง่ายเลยครับ พอเราไม่มีความรู้ก็ต้องศึกษาค้นคว้าทดลองมากพอ จนพบว่าสิ่งที่เรากำลังทำคือสิ่งที่จะทำให้คนจ่ายเงินเพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ของเราได้จริงๆ ตอนที่เราเริ่มต้นไม่มีทางรู้หรอกว่าทำไปแล้วจะรอดไหม ถ้ารอดในประเทศจะมีความต้องการในระดับโลกหรือเปล่า เราดำเนินการมาสักพักมาประมาณสองปีกว่าครับ แล้วก็เริ่มได้รับรางวัล เช่น รางวัลชนะเลิศในหมวด Cross Category – Start-Up จาก Asia Pacific ICT Alliance Awards (APICTA) 2022 เข้ารอบแปดทีมสุดท้ายที่ Tech Investment Show 2023 ห้าทีมสุดท้ายที่เข้ารอบในงาน Mobile ID by NBTC 2023 เป็นต้น ซึ่งทำให้เราคิดว่า สิ่งที่เราทำไม่ใช่แค่การตอบโจทย์ในระดับประเทศ แต่เป็นการตอบโจทย์ในระดับโกลบอล เรามั่นใจว่าในระดับสากลมีความต้องการด้านนี้จริงๆ ไม่ใช่แค่สิ่งที่เราคิดไปเอง”

แก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

ไม่มีใครรู้ว่าตอนที่เริ่มต้น สิ่งที่เราทำจะสามารถแก้ไขปัญหาได้จริงๆ หรือเปล่า จะดีกว่าไหมถ้าค่อยๆ หาทางแก้ปัญหาไปทีละขั้นตอน ค้นหาสาเหตุ ทดลอง เปลี่ยนวิธีการ และโฟกัสกับปัจจุบันอย่าเพิ่งฝันถึงตอนจบ “ตอนเริ่มต้น ผมไม่รู้เลยครับว่าผมจะช่วยแก้ปัญหาได้จริงหรือเปล่า ถ้าเกิดว่ากระโดดไปที่การแก้ปัญหาเลยก็เหมือนการจินตนาการ ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่ว่าเป็นไปไม่ได้จริง ก็พยายามคิดหาสาเหตุครับ อย่างวันที่ผมเข้ามาทำเรื่องข้อมูลทางการแพทย์ ทุกคนไปโฟกัสว่าการแออัดของผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่ต้องรอตรวจนานเกิดจากระบบคิวที่ไม่ดี เราต้องมีระบบที่ทำวิดีโอคอลคนไข้ได้ คนไข้จะได้ไม่ต้องไปโรงพยาบาล แต่จริงๆ แล้วอย่าลืมว่า จำนวนแพทย์ยังเท่าเดิมนะครับ ระบบคิวอาจช่วยแก้ปัญหาความแออัดได้บ้างขณะ แต่ถ้ามีข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลตื้นหรือลึกแค่ไหน ระบบของเราจะบันทึกไว้ทุกอย่าง มีการวิเคราะห์เชื่อมโยงถึงกันหมด คนไข้ไม่จำเป็นต้องมาโรงพยาบาลบ่อย แต่ว่ามาเฉพาะที่จำเป็น มองว่าน่าจะแก้ปัญหาได้ตรงจุดว่า ผมกำลังทำให้การจัดการบริหารข้อมูลดีขึ้น ธุรกิจของคนส่วนใหญ่อาจจะพยายามไปแก้ที่ปลายน้ำครับ ทุกสิ่งทุกอย่างมักเป็นอย่างนี้ บางช่วงเวลาถ้าธุรกิจที่อยู่ปลายน้ำสามารถขายได้หรือเติบโตได้ก็เป็นไปได้ครับ ผมแค่จะบอกว่าต้องดูที่ช่วงเวลาด้วย เช่น ปัญหารถติด ถ้าบางคนมองว่าแก้รถติดต้องสร้างทางด่วนเพิ่มก็ทำไป บางคนมองว่ารถติดต้องแก้ที่ผังเมืองไม่ต้องไปทำถนนเพิ่มก็หาวิธีแก้ผังเมืองซึ่งก็จะเป็นการแก้ไขที่ยั่งยืนกว่า ส่วนตัวผมก็เชียร์ที่จะให้ทำธุรกิจที่ยั่งยืน”

รู้จักตัวเองแล้วสร้างสมดุล

มีคนมากมายที่สนใจจะทำธุรกิจ และใช้เวลาทุ่มเทไปกับการศึกษาหาความรู้และเข้าใจทฤษฎีต่างๆ อย่างแจ่มแจ้ง จนหลงลืมที่จะทำความรู้จักตัวเองและสำรวจรากฐานชีวิต ที่สำคัญที่สุด ตราบใดที่เขายังไม่ลงมือทำก็ยังนับว่าห่างไกลกับจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ “ผมเน้นการลงมือทำ ถ้าเราขาดประสบการณ์ เราก็ไปเรียนรู้ในที่ที่ให้ประสบการณ์กับเราได้ ถ้าเราขาดเงิน เราก็หาเงินก่อน ถ้าเราขาดทั้งสองอย่าง เราต้องบาลานซ์ให้ได้ รอวันที่เราพร้อมแล้วเราก็กระโดดเข้ามาเล่น พื้นฐานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องดูว่าตัวเองมีอะไร ขาดอะไร หาเวทีที่จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ตัวเอง บาลานซ์ให้ดี หลังจากนั้นเมื่อเรามีความมั่นใจ มีเงิน มีประสบการณ์มากพอ เราก็กระโดดไปในเลเวลถัดไป”

ดูรายละเอียดของ HealthTAG เพิ่มเติมได้ที่: https://healthtag.io/th และ https://www.facebook.com/mihealthtag/

# Startup, NIA, Startupfounder, HealthTAG,
1680X726

LEARNING

1680X726

ACTIVITY

ACTIVITY

chonburi-sea-of-opportunities-2017-cover-e1527495225692

2017: SCALE UP ASIA, CHONBURI “SEA OF OPPORTUNITIES”

2017: SCALE UP ASIA, SONGKHLA “SEA OF OPPORTUNITIES” พบกับการพัฒนาสตาร์ตอัพระดับภูมิภาค ในจังหวัดชลบุรี และ จังหวัดสงขลา เพื่อกระจายความรู้การประกอบธุรกิจ เฟ้นหาผู้ประกอบการหน้าใหม่ และแลกเปลี่ยนไอเดียกับเหล่าสตาร ...

sea-of-opportunities-cover-1-e1527494632385

2017: SCALE UP ASIA, SONGKHLA “SEA OF OPPORTUNITIES”

2017: SCALE UP ASIA, SONGKHLA “SEA OF OPPORTUNITIES” ต่อยอดสตาร์ทอัพระดับภูมิภาค ในจังหวัดสงขลา เพื่อแสดงพลังขับเคลื่อนธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เป็นอนาคตของประเทศ พร้อมทั้งฟังความรู้จากวิทยากรชั้นนำ และชมนิทรรศการระบ ...

mekong-connect-khonkaen-2017-cover-e1527495143423

2017: SCALE UP ASIA, KHON KAEN “MEKONG CONNECT”

2017: SCALE UP ASIA, KHON KAEN “MEKONG CONNECT” จากความสำเร็จการจัดงานในระดับภูมิภาคของ Startup Thailand นำไปสู่การขยายกิจกรรมไปยังจังหวัดขอนแก่น เพื่อส่งเสริมการเติบโตของสตาร์ทอัพในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง และเชื่อม ...

chiangmai-scale-up-asia-2017-cover-e1527495028250

2017: SCALE UP ASIA, CHIANGMAI “CREATIVE VALLEY”

2018: Startup Thailand “Endless Opportunities” พบกับกิจกรรมสตาร์ทอัพบุกภูมิภาค ร่วมค้นหาหุบเขาความคิด ปั้นนักรบเศรษฐกิจรุ่นใหม่ และฟังหัวข้อการบรรยายพัฒนาธุรกิจอย่างสร้างสรรค์แบบเจาะลึกกิจกรรม CREATIVE VALLEY  ของ ...

startup-thailand-2018-news-a03-2

2018: Startup Thailand “Endless Opportunities”

2018: Startup Thailand “Endless Opportunities” งาน Startup Thailand 2018 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม 2561 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้ธีม Endless Opportunities ถือเป็นการจัดงานสตาร์ทอัพที่ยิ่งใหญ่ท ...

scale-up-asia-bkk-2017-cover-1-e1527494898578

2017: SCALE UP ASIA, BANGKOK

2017: SCALE UP ASIA, BANGKOK STARTUP Thailand ได้เริ่มต้นจัดอีเวนต์ ภายใต้ชื่อ Scale Up Asia เพื่อระดมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่และกลุ่มนักลงทุนได้มารวมตัว พบปะ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับนักธุรกิจที่ประสบความสำเ ...

Print

Startup Nation : Startup Thailand 2019

Startup Nation : Startup Thailand 2019 การจัดงาน Startup Thailand 2019 ภายใต้แนวคิด Startup Nation ประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งพร้อมระบบนิเวศที่แข็งแรงยิ่งขึ้น ในฐานะประเทศไทยให้การสนับสนุนและส่งเ ...

1680X726

SITE 2021

SITE 2021​ ปีนี้เตรียมพบกับ ‘DeepTech’ เทคโนโลยีเชิงลึกที่เข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงพลิกโฉมประเทศไทย ที่ทุกภาคส่วนกำลังจับตามองNIA เดินหน้าต่อยอดงาน Startup x Innovation Thailand Expo 2021 หรืองาน ‘SITE 2021’ ภายใต ...

SITE22- Banner & FB Cover

SITE 2022

SITE 2022 งาน STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2022 (SITE 2022) ในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Reconnecting the World เชื่อมเรา เชื่อมโลก กลับมาเจอกัน” แม้ว่าทุกประเทศทั่วโลกกำลังอยู่ในสถานการณ์แพร่ระบาดอย่างรุนแรง ...

1680X726

GOVERNMENT SUPPORT

GOVERNMENT SUPPORT

Open Innovation

นวัตกรรมแบบเปิด (Open Innovation) เป็นหนึ่งในกลไลการให้เงินทุนสนับสนุนเพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างนวัตกรรมตลอดห่วงโซ่มูลค่าอย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยยกระดับห่วงโซ่อุปทานเดิมที่มีศักยภาพ (First S-curve) และชักนำไปสู่การสร้างห่วงโซ่มูลค่าใหม่ที่เป็นอุตสาหกรรมอนาคต (New S-curve) ของประเทศอย่างมีนัยสำคัญทั้งกลุ่มธุรกิจนวัตกรรม (Smart SMEs) และวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ซึ่งเป็นไปตามกลุ่มสาขาเศรษฐกิจดังนี้ ได้แก่ สาขาเศรษฐกิจชีวภาพ สาขาเศรษฐกิจการผลิตและการหมุนเวียน และสาขาเศรษฐกิจบริการและการแบ่งปัน

Link

Thematic Innovation

โครงการที่มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศและยกระดับความสามารถทางนวัตกรรมในระดับอุตสาหกรรมและการเกษตร นำไปสู่การปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ผ่านการแสวงหาโจทย์ปัญหาที่แท้จริงร่วมกันของภาคเอกชน ภาคสังคม และภาควิชาการ เพื่อดำเนินโครงการนวัตกรรมต้นแบบสำหรับแก้ปัญหาและยกระดับการพัฒนาประเทศให้ก้าวไปสู่ประเทศฐานนวัตกรรม

Link

MIND CREDIT

กลไกสนับสนุนด้านการเสริมสร้างศักยภาพด้านนวัตกรรม” (Managing Innovation Development Credit) หรือ “MIND CREDIT” เป็นการสนับสนุนรูปแบบใหม่ของสํานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) สำหรับผู้ประกอบการไทย ให้สามารถเข้าถึงและใช้บริการจากบริษัทที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาหรือขยายผลธุรกิจนวัตกรรม เพื่อยกระดับผู้ประกอบการไทยให้พร้อมในการแข่งขัน และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การสร้างให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจจากฐานนวัตกรรมของประเทศ

ผู้ที่ประสงค์จะขอรับทุนภายใต้กลไก MIND CREDIT จะต้องส่งข้อเสนอโครงการต่อสนช. เพื่อพิจารณาอนุมัติ และบริษัทที่ปรึกษาที่ผู้ขอรับทุนจะใช้บริการจะต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ คัดเลือกและขึ้นทะเบียนโดยสนช. ตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษากลไก MIND CREDIT ที่สนช. กำหนด โดยสนช. จะให้การสนับสนุนในลักษณะของเงินให้เปล่า (grant) ในรูปแบบทุนสนับสนุนค่าบริการที่ปรึกษาสูงสุด 1,000,000 บาท/โครงการ และคิดเป็นมูลค่าไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าโครงการ(มูลค่าโครงการ คือ คำนวณจากประมาณการค่าที่ปรึกษา/บริการตามใบเสนอราคาจากบริษัทที่ปรึกษาซึ่งเป็นมูลค่าก่อนภาษีมูลค่าเพิ่ม)) ระยะเวลาการดำเนินโครงการไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่ผู้ขอรับทุนทำสัญญารับทุนอุดหนุนโครงการนวัตกรรมกับ สนช.

Link

SPARK

SPARK เป็นโครงการบ่มเพาะและเร่งสร้างวิสาหกิจเริ่มต้น “Global Accelerator Program” ที่เกิดจากความร่วมมือของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) และ เอจีดับเบิลยูกรุ๊ป (AGW Group) กลุ่มนักลงทุนจากประเทศอิสราเอลที่มีประสบการณ์ในการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญต่างชาติในหลายสาขา เช่น นักกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญา ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงด้านไซเบอร์ นักลงทุนในบริษัทกองทุนร่วมทุน ฯลฯ ซึ่งจะร่วมเป็นวิทยากรและเป็นที่ปรึกษาแบบตัวต่อตัวให้แก่สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมการฝึกอบรม โดยตั้งเป้าพัฒนา Startup ไทยให้สามารถก้าวสู่ระดับโลก

Link

AG Growth

โครงการเร่งสร้างสตาร์ทอัพด้านการเกษตรในระดับนานาชาติ (Global AgTech Acceleration Program) หรือ AGrowth โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งสร้างสตาร์ทอัพด้านการเกษตรให้มีความพร้อมและศักยภาพในเชิงพาณิชย์ สามารถขยายผลธุรกิจในประเทศไทย และเติบโตในตลาดระดับสากลได้ ตลอดจนพัฒนาระบบนิเวศและสนับสนุนให้เกิดสตาร์ทอัพด้านการเกษตร ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเชื่อมโยงให้สตาร์ทอัพด้านการเกษตรจากนานาประเทศได้เข้าถึงระบบนิเวศของสตาร์ทอัพไทย รวมถึงจะเป็นตัวเร่งในการสร้างสรรค์สตาร์ทอัพด้านการเกษตรรุ่นใหม่ในประเทศไทยให้มีความหลากหลายและเพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น

Link

SPACE F

โครงการบ่มเพาะและเร่งรัดการเติบโตทางธุรกิจด้านเทคโนโลยีอาหาร (SPACE-F) เป็นโครงการที่เกิดขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อต่อยอดการบ่มเพาะและพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้นให้เจาะจงมากขึ้นในด้านเทคโนโลยีอาหาร (FoodTech Startup) ตลอดจนเร่งรัดการเติบโตทางธุรกิจสู่ตลาดเอเชีย รวมทั้งยังเป็นแพลตฟอร์มกลาง (Platform) ที่ช่วยเชื่อมโยงวิสาหกิจเริ่มต้นด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรมอาหารเข้ากับผู้เล่นที่สำคัญในระบบนิเวศ เช่น องค์กรภาครัฐ (Government agency) บริษัทขนาดใหญ่ (Big corporate) นักลงทุน (Investor) และสถาบันการศึกษา (Academic institute) อันจะนำไปสู่การเพิ่มโอกาสในการเติบโตของวิสาหกิจเริ่มต้น ทั้งในแง่ของปริมาณ (Quantity) ความหลากหลาย (Variety) และคุณภาพ (Quality) ทั้งยังช่วยสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารอีกด้วย

Link

YOUTH STARTUP FUND

กองทุนยุวสตาร์พอัพ (Youth Startup Fund) เกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนเยาวชนให้พัฒนาไปสู่การเป็นผู้ประกอบการสตาร์ทอัพและผลักดันมหาวิทยาลับไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการประกอบการ (Entrepreneurial University) ตามนโยบายของ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม การดำเนินกองทุนยุวสตาร์ทอัพ (Youth Startup Fund) จะมีรายละเอียดการดำเนินงานแบ่งออกเป็น 2 กิจกรรมหลัก คือ 1. โครงการ Startup Thailand League เป็นการพัฒนา บ่มเพาะ การประกวดแข่งขันการนำเสนอแผนธุรกิจของนักศึกษาระดับประเทศ และการสร้างเครือข่ายพันธมิตรร่วมกับกลุ่มเป้าหมาย และ 2. โครงการ Pre-seed Funding ซึ่งเป็นการสนับสนุนเงินทุนสำหรับต่อยอดธุรกิจจริง ในรูปแบบเงินอุดหนุนสมทบบางส่วนแบบให้เปล่า (90/10) แก่นิสิต และนักศึกษา ที่ศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ปริญาโท และปริญญาเอก และ/หรือเป็นบัณฑิตที่จบใหม่ไม่เกิน 5 ปี โดยมีเงินทุนสนับสนุนมูลค่าตั้งแต่ 500,000-1,500,000 บาท เพื่อนำไปซื้อบริการด้านการทดสอบจากห้องวิจัยของมหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิจัยทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาต้นแบบซึ่งเป็นการพิสูจน์ความคิดใหม่ ทั้งด้านเทคโนโลยีและด้านธุรกิจ (Prove of Concept Idea, POC) และเพื่อช่วยเหลือและให้คำปรึกษาในการพัฒนาต้นแบบ ซึ่งเป็นการให้ทุนเพื่อดำเนินการพัฒนา POC ผ่าน Incubator ที่ได้รับการรับรอง (Certified Incubator) จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Link

International Innovation Matching Program for Innovation-Driven Enterprises (IIM – IDE)

โครงการ “International Innovation Matching Program for Innovation-Driven Enterprises (IIM – IDE)” เกิดจากความร่วมมือระหว่างสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) โดยฝ่ายนวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจ และบริษัท SPHERE8 เพื่อต่อยอดให้องค์กรธุรกิจนวัตกรรมที่สนใจแสวงหาหุ้นส่วนกลยุทธ์กับอิสราเอล โครงการเน้นไปที่การพัฒนาโครงการนวัตกรรมร่วมกันในระยะต้นแบบ (Prototype) โครงการนำร่อง (Pilot Project) ไปจนถึงระยะพร้อมออกสู่ตลาดหรือขยายผลเชิงพาณิชย์ (Commercialization) โดยกิจกรรมในโครงการนี้ดำเนินเป็นภาษาอังกฤษ

Link

Digital Startup Fund

depa-Fund เป็นเงินทุนโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเร่งรัดการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลโดยรวมของประเทศ โดยมีขอบเขตการให้การสนับสนุนหลากหลากหลายด้าน เช่น ผู้ที่ต้องการจัดตั้งธุรกิจดิจิทัลเพื่อเติบโตเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ (Digital Startup) การพัฒนาทักษะหลากหลายระดับเพื่อเป็นบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล (Digital Manpower) การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อต่อยอดเชิงพาณิชย์ (Digital Research Development and Innovation) การทำกิจกรรมเพื่อขยายโอกาสการตลาด (Digital Event and Marketing) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับสินค้า บริการ และมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ (Digital Tranformation) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มรายได้ของชุมชน (Digital Transformation for Community) หรือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ (Digital Infrastructure) เป็นต้น

Link

Research Gap Fund

Research Gap Fund เป็นกิจกรรมการสนับสนุนเพื่อเร่งการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรมรายใหม่สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาต่อยอดงานวิจัยองค์ความรู้และเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของรัฐ ให้ตอบสนองความต้องการของตลาดและพร้อมสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ทั้งยังสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมในช่วงการวิจัยต่อยอดผลงานที่มีต้นแบบ หรือมีความพร้อมสำหรับการขยายผลไปสู่ผลิตภัณฑ์หรือบริการในระดับอุตสาหกรรม

Link

โครงการเร่งการเติบโตสตาร์ทอัพด้วย Startup Voucher

อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (TSP) ได้จัดทำโครงการเร่งการเติบโตสตาร์ทอัพด้วย Startup Voucher เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการดำเนินธุรกิจให้ผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ เพื่อพัฒนาความคิดและการต่อยอดนวัตกรรมและอัพเดตเทคโนโลยีใหม่ๆให้เกิดผลทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสินเชื่อที่เหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจ และเชื่อมโยงเครือข่ายวิสาหกิจนวัตกรรมในภูมิภาคในการสร้างพันธมิตรเพื่อการดำเนินงานและขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยมีทุนสนับสนุนสูงสุด 800,000 บาท

Link

UOB Fin Lab

เดอะฟินแล็บ (The FinLab) และธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ดำเนินโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทค (FinTech) และบริษัทเทคโนโลยีให้สามารถพัฒนาและเติบโตได้ในยุคดิจิทัลตั้งแต่เริ่มจัดตั้งในปี 2558 เดอะ ฟินแล็บ (The FinLab) มีเครือข่ายที่เข้มแข็งทั้งด้านเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านโมเดลทางธุรกิจโดยการใช้ข้อมูลเชิงลึกในภูมิภาคอาเซียนเพื่อช่วยเหลือให้บริษัทในโปรแกรมของเราได้วางแผนการขยายตัวทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Link

สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง ธนาคารออมสิน

TED Fund ร่วมกับ สนช. และออมสิน ประกาศมาตรการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องแก่ Startup ที่อยู่ระหว่างการรับทุนดำเนินธุรกิจ ในสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) ร่วมกับ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) และธนาคารออมสิน ในการออกสินเชื่อสำหรับเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการที่อยู่ระหว่างการรับทุนของสนช. และ TED Fund เพื่อเป็นมาตรการบรรเทาสภาวะทางการเงินเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 วงเงินกู้สูงสุด 1.5 ล้านบาท ในโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ประเภทเงินกู้ระยะสั้น โดยกำหนดระยะเวลาเงินกู้ตามสัญญาที่ TED Fund หรือ สนช. ให้ทุน ทั้งนี้ไม่เกิน 2 ปี โดยทบทวนวงเงินทุกปี ในอัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี ในปีที่ 1-2 และปีที่ 3 เป็นต้นไป เป็นไปตามประกาศธนาคาร

Link

มาตรการช่วยเหลือ โควิด 19

มาตรการเยียวยาสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี และวิสาหกิจเพื่อสังคม เพื่อเตรียมพร้อมช่วยเหลือและฟื้นฟูสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี และวิสาหกิจเพื่อสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ผ่านการสนับสนุนทางด้านการเงิน การลงทุน การตลาด เครือข่าย รวมถึงการส่งเสริมองค์ความรู้เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้สามารถก้าวต่อไป

โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่

1) การสนับสนุนด้านเงินทุนให้เปล่าผ่านมีกลไกหลักของสำนักงาน เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยเบื้องต้นได้สนับสนุนทุนนวัตกรรมไปแล้วกว่า 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่าเงินอุดหนุนรวม 39.8 ล้านบาท และยังได้เตรียมงบอุดหนุนแบบให้เปล่าไว้สำหรับช่วงหลังวิกฤตโควิด – 19 อีกกว่า 70 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจฐานนวัตกรรมทั้งมิติเศรษฐกิจ และสังคม นอกจากนี้ ยังได้หารือกับสถาบันการเงินหลายแห่ง เช่น ธ.ออมสิน ธ.ไทยพาณิชย์ ฯลฯ เพื่ออนุมัติเงินกู้เงื่อนไขพิเศษสำหรับสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิด 19

2) การสร้างตลาดใหม่และส่งเสริมการเติบโต ด้วยการสร้างโอกาสเข้าถึงตลาดภาครัฐได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น ผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการจัดซื้อจัดจ้างของตลาดภาครัฐสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ GPT และ แพลตฟอร์ม “YMID Portal” เป็นต้น ซึ่งในช่วงวิกฤตไวรัสโควิด-19 นี้ก็ได้สร้างโอกาสให้สตาร์ทอัพที่มีผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาดังกล่าวกว่า 12 ราย ได้เข้าไปร่วมทำงานจริงกับเครือข่ายโรงพยาบาลกว่า 9 แห่ง ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและสามารถขยายโอกาสต่อไปในภาครัฐอื่นได้ นอกจากนี้ NIA ยังเตรียมเปิดพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้สตาร์ทอัพมาโปรโมทนวัตกรรมดีๆ ผ่านช่องทางเพจ Startup Thailand ซึ่งคาดว่าจะพร้อมให้บริการได้ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ สำหรับสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพและต้องการก้าวสู่ระดับประเทศหรือระดับนานาชาติมากขึ้น NIA ก็มีเครือข่ายกับบริษัทขนาดใหญ่ เช่น เครือซีพี ไทยยูเนี่ยน สยามคูโบต้า ช.การช่าง ฯลฯ ที่พร้อมจะร่วมลงทุนและผลักดันให้สตาร์ทอัพนั้นได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดต่อไป

3) การส่งเสริมความรู้และการพัฒนาสตาร์ทอัพ ซึ่งที่ผ่านมีการจัดหลักสูตรอย่างต่อเนื่องทั้งระดับเยาวชน และสตาร์ทอัพทั่วไป และขณะนี้ได้มีการพัฒนาเข้าสู่ระบบออนไลน์มากขึ้นผ่านสถาบันวิทยาการนวัตกรรม โดยภายในเดือนพฤษภาคมนี้จะมีมากกว่า 10 หลักสูตร และโครงการ Startup Thailand League ที่เน้นไปยังกลุ่มนักศึกษาที่มีความสนใจจะเป็นสตาร์ทอัพ ซึ่งมีเข้าร่วมกว่า 2000 ราย

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่ามีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ ธนาคาร และเอกชน ได้เริ่มสนับสนุนสตาร์ทอัพและวิสาหกกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาศ เช่น กระทรวงการคลัง NSTDA DEPA ธนาคารออมสิน ธนาคารไทยพาณิชย์ และ Innospace เป็นต้น

1680X726

THAILAND STARTUP ECOSYSTEM REPORT 2021

THAILAND STARTUP ECOSYSTEM REPORT 2021

“รายงานการพัฒนาระบบนิเวศวิสาหกิจเริ่มต้นประเทศไทย ประจำปี 2564” รายงานฉบับที่ 4 ของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ที่ได้จัดทำต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ปี 2557 โดยได้รับความร่วมมือจากประชาคมกว่า 300 ราย ทั้งกลุ่มสตาร์ทอัพไทยและต่างชาติ นักลงทุน ภาคการศึกษา ภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่นำเสนอข้อมูลภาพรวมภูมิทัศน์ของระบบนิเวศสตาร์ทอัพในปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ ให้มีความสามารถในการประกอบธุรกิจรวมถึงแข่งขันกับคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีระบบนิเวศสตาร์ทอัพ (Startup Ecosystem) ที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจมากขึ้น
1680X726

WHITE PAPER

WHITE PAPER

รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางในการเสนอนโยบายเกี่ยวกับวิสาหกิจเริ่มต้นแก่ประเทศไทย โดยในรายงานฉบับนี้ได้รวบรวมความคิดเห็นจากสมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จากผู้ประกอบธุรกิจวิสาหกิจเริ่มต้นในประเทศไทย (สตาร์ทอัพ) จากบริษัทที่ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) ทั้งในและต่างประเทศในประเด็นว่าเป้าหมายของประเทศไทยในการพัฒนาระบบนิเวศวิสาหกิจเริ่มต้นนั้นควรเป็นอย่างไรและต้องการให้ภาครัฐส่งเสริมและสนับสนุนในประเด็นใดบ้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว

Downlaod White-Paper 

1680X726

POLICY & STATEGY

WHITE PAPER

รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางในการเสนอนโยบายเกี่ยวกับวิสาหกิจเริ่มต้นแก่ประเทศไทย โดยในรายงานฉบับนี้ได้รวบรวมความคิดเห็นจากสมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จากผู้ประกอบธุรกิจวิสาหกิจเริ่มต้นในประเทศไทย (สตาร์ทอัพ) จากบริษัทที่ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) ทั้งในและต่างประเทศในประเด็นว่าเป้าหมายของประเทศไทยในการพัฒนาระบบนิเวศวิสาหกิจเริ่มต้นนั้นควรเป็นอย่างไรและต้องการให้ภาครัฐส่งเสริมและสนับสนุนในประเด็นใดบ้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว

Downlaod White-Paper 

1680X726

ORGANIZATION

ABOUT US

Startup Thailand เป็นหน่วยงานระดับประเทศที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) และระบบนิเวศของวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup Ecosystem) ตามนโยบายของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ (National Startup Committee: NSC) โดยมีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาวิสาหกิจเริ่มต้นให้ใช้ทรัพยากรของประเทศในการผลิตสินค้าและบริการ มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม การจ้างงานในท้องถิ่น และการกระจายรายได้สู่ภูมิภาค รวมทั้งก่อให้เกิดอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนประเทศ

คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติเกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องการปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจของประเทศด้วยการพัฒนา “วิสาหกิจเริ่มต้น” ให้เป็นนักรบทางเศรษฐกิจใหม่ (New Economic Warrior: NEW) และกำหนดให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่เปิดสำหรับการเติบโตของอาเซียน โดยได้กำหนดแนวทางส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นของไทย ดังนี้

1.พื้นที่เปิดสำหรับผู้ที่มีทักษะสูงจากทั่วโลก (Open for Talent) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจเริ่มต้นของไทยให้สามารถเติบโตสู่ตลาดโลกได้ ประเทศไทยจำเป็นต้องดึงดูดและพัฒนาบุคลากรที่มีประสบการณ์ ความสามารถ และเข้าใจการพัฒนาธุรกิจในระดับโลก

2.พื้นที่เปิดสำหรับการเร่งการเติบโตของวิสาหกิจเริ่มต้น (Open for Business Growth) การพัฒนาธุรกิจของวิสาหกิจเริ่มต้นเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการควบคู่กับการพัฒนารูปแบบธุรกิจนวัตกรรม ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurial) ตั้งแต่ระดับมหาวิทยาลัยและวิสาหกิจเริ่มต้นทั่วไป ตลอดจนดำเนินการเร่งสร้างและวิสาหกิจเริ่มต้น (Acceleration Program) อย่างเป็นระบบ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจเริ่มต้นให้พร้อมก้าวสู่เวทีการระดมทุนจากนานาชาติ สามารถขยายฐานกิจการไปยังต่างประเทศได้

3.พื้นที่เปิดสำหรับการลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น (Open for Investment) ทุกช่วงระยะเวลาการเติบโตของวิสาหกิจเริ่มต้นจำเป็นต้องระดมทุนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมตลอดจนขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ซึ่งแต่ละช่วงมีความต้องการเงินทุนแตกต่างกัน ดังนั้นประเทศไทยต้องพัฒนาสิทธิประโยชน์ต่างๆเพื่อนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ นักลงทุนบุคคล บริษัทลงทุนร่วมเสี่ยงทั้งในลักษณะกองทุน และองค์กร ตลอดจนการระดมทุนสาธารณะ อีกทั้งพัฒนานวัตกรรมการเงิน (Financing Innovation) เพื่อสนับสนุนการเติบโตของวิสาหกิจเริ่มต้นของประเทศไทยสู่ตลาดโลก

4.พื้นที่เปิดสำหรับการพัฒนาระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของวิสาหกิจเริ่มต้น (Open for Ecosystem) เพื่อการพัฒนาระบบนิเวศวิสาหกิจเริ่มต้นอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ประเทศไทยต้องดำเนินยุทธศาสตร์ การพัฒนา “เศรษฐกิจนวัตกรรมเชิงพื้นที่” โดยมีการวางแผนและออกแบบพื้นที่และสังคมเมือง เพื่อพัฒนาเมืองหรือย่านให้เป็นกลุ่มคลัสเตอร์ของผู้ประกอบธุรกิจนวัตกรรมและวิสาหกิจเริ่มต้นหรือเรียกว่า ย่านนวัตกรรม (Innovation District) โดยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เครื่องมือ และกลไกที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัยและผู้ดำเนินกิจกรรมในย่าน เพื่อเชื่อมต่อประชาคม รวมถึงมีกลไกที่ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม สร้างสรรค์สิ่งใหม่ร่วมกัน มีกิจกรรมแบ่งปันความรู้แก่กันของวิสาหกิจเริ่มต้น ชุมชน ธุรกิจ และหน่วยงานในพื้นที่ เร่งดำเนินการให้มีสิทธิประโยชน์เพื่อสนับสนุนภาคส่วนต่างๆในระบบนิเวศของวิสาหกิจเริ่มต้น

1680X726

SITE 2021

SITE 2021​

ปีนี้เตรียมพบกับ ‘DeepTech’ เทคโนโลยีเชิงลึกที่เข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงพลิกโฉมประเทศไทย ที่ทุกภาคส่วนกำลังจับตามอง

NIA เดินหน้าต่อยอดงาน Startup x Innovation Thailand Expo 2021 หรืองาน ‘SITE 2021’ ภายใต้แนวคิดการเปล่งประกายแห่งเทคโนโลยีเชิงลึก ‘DeepTech Rising’…The Next Frontier of Innovation

เจาะลึก 5 เทคโนโลยีเชิงลึกที่เข้ามายกระดับความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ได้แก่

1. ด้านเกษตร (AgTech)
2. ด้านอาหาร (FoodTech)
3. ด้านการแพทย์ (MedTech)
4. ด้านอวกาศ (SpaceTech)
5. ด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือนสําหรับบุคคล (AI Robotic Immersive IoT: ARI Tech)

15 – 18 กันยายน 2564 นี้ จัดขึ้นในรูปแบบ Virtual Event

โปรดติดตามรายละเอียดงานเพิ่มเติมได้เร็วๆ นี้