Startup Thailand | EN |
MedTech & HealthTech: โอกาสของสตาร์ตอัปไทยในยุคเปลี่ยนผ่านสุขภาพ
ในยุคที่ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายทางสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นโรคเรื้อรัง สังคมผู้สูงอายุ หรือการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ เทคโนโลยีสุขภาพ ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญ ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่มันคือ ความจำเป็น ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุขโดยรวม
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ได้ตระหนักถึงบทบาทสำคัญของสตาร์ตอัปไทยในจุดเปลี่ยนนี้ จึงได้จัดงาน Startup Connext: MedTech – HealthTech ขึ้น เพื่อเป็นเวทีให้สตาร์ตอัปได้แสดงศักยภาพ สร้างเครือข่าย และที่สำคัญคือ เชื่อมโยงสู่โอกาสในระดับโลก
นวัตกรรมที่แท้จริงต้อง “แก้ปัญหาจริง”
แพทย์หญิงวรรณวิพุธ สรรพสิทธิ์วงศ์ ผู้อำนวยการสายงานพัฒนาธุรกิจไวทัลไลฟ์ ในเครือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้เน้นย้ำถึงหัวใจสำคัญของนวัตกรรมสุขภาพว่าต้องเริ่มต้นจาก “ปัญหาในชีวิตจริง” ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพียงอย่างเดียว
เทคโนโลยีที่ดีจะต้องมี 3 คุณลักษณะสำคัญ:
– แม่นยำและปลอดภัย : เพราะชีวิตของผู้ป่วยคือเดิมพันที่สำคัญที่สุด
หากนวัตกรรมสามารถช่วยลดภาวะ Burnout ของบุคลากรทางการแพทย์ และช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้รวดเร็วขึ้น นั่นคือเป้าหมายที่แท้จริงของการออกแบบนวัตกรรมในยุคใหม่ และจะทำให้สถานพยาบาลต่าง ๆ ให้ความสนใจนำเทคโนโลยีเหล่านั้นไปใช้งาน
NIA กับกลไกหนุนสตาร์ตอัปไทยสู่ตลาดโลก
คุณอุกฤช กิจศิริเจริญชัย ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนการเงินนวัตกรรมที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ได้อธิบายถึงกลไกการส่งเสริมสตาร์ตอัปภายใต้แนวคิด “Groom – Grant – Growth – Global” ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่การให้ทุนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา แต่ยังรวมถึงการเชื่อมโยงให้เกิดการทดสอบจริงผ่านพื้นที่ Sandbox อย่าง “ย่านโยธี” ที่เชื่อมโยงโรงพยาบาลและหน่วยงานทางการแพทย์กว่า 30 แห่ง พร้อมต่อยอดสู่การจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ทั้งในและต่างประเทศ
คุณอุกฤชย้ำว่าสตาร์ตอัปควรพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานสูงสุด และต้องปลอดภัยสำหรับทุกคนในระบบนิเวศสุขภาพ NIA เข้าใจดีว่าการพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้ต้องใช้เงินลงทุนสูงและใช้เวลานาน จึงสนับสนุนให้สตาร์ตอัปทำงานร่วมกับผู้ประกอบการไทยรายอื่น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุน และร่วมกันขับเคลื่อนเทคโนโลยีไทยสู่เวทีโลก
เทรนด์เทคโนโลยีสุขภาพ: โอกาสที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสม
เวทีเสวนาในหัวข้อ Med Tech/Health Tech Trends Now ชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยยังมีโอกาสมากในระดับโลก หากหันมาเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะทางที่ใช้ทุนไม่สูงมาก แต่ Impact สูง เช่น AI และ IoT โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่ยังเข้าถึงบริการสุขภาพได้ไม่ทั่วถึง
คุณพงษ์ชัย เพชรสังหาร ประธานสมาคมการค้าเฮลท์เทคไทย (THTA) เน้นย้ำว่าการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการแพทย์และสุขภาพต้องมีความชัดเจน ต้อง “รู้ว่าจะช่วยใคร” และ “เข้าไปอยู่ในชีวิตผู้ใช้อย่างไร” เพราะแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างในการเข้าถึง จึงต้องออกแบบให้เข้าถึงง่าย ใช้งานได้จริง และตอบโจทย์ผู้ใช้งานจริง
ความท้าทายสำหรับสตาร์ตอัปไทยคือ การดึงดูดนักลงทุนให้ระดมทุนได้มากขึ้น เพื่อให้มีแรงหนุนไปบุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง เมื่อเทียบกับสตาร์ตอัปต่างชาติที่มีเงินลงทุนมากกว่าที่เข้ามาในตลาดไทยเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้น สตาร์ตอัปไทยต้องพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ สร้าง Ecosystem ที่แข็งแรง และ “เริ่มต้นจากการให้” เพื่อพิสูจน์คุณค่าก่อนจะได้รับการยอมรับ
คุณพงษ์ชัย เปรียบการทำสตาร์ตอัปสายสุขภาพว่าไม่ใช่การวิ่งเร็ว แต่มันคือ “มาราธอน” ที่ต้องมีเป้าหมายชัดเจนและความมุ่งมั่นระยะยาว โดยมีภาครัฐและภาคเอกชนสนับสนุนผ่านเวที Business Matching ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสสู่ระดับโลกอย่างเป็นรูปธรรม
บทเรียนจากผู้ลงมือจริง: สร้าง Impact นำสู่การยอมรับ
คุณสุพิชญา พู่พิสุทธิ์ CEO จาก Perceptra แชร์มุมมองจากสนามจริงว่า ในยุคที่ไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ปัญหาสุขภาพและภาระของรัฐพุ่งสูงขึ้น ดังนั้น หากสตาร์ตอัปสามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยลดภาระรัฐและวัดผลได้อย่างแม่นยำ จะสร้างการยอมรับที่กว้างขวางและนำไปสู่การระดมทุนในระดับสากลได้ในที่สุด
คุณสุพิชญา ย้ำว่า หัวใจสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพ ไม่ใช่แค่คิดนวัตกรรมให้ล้ำ แต่ต้อง กล้าเข้าไปในระบบจริง รับฟัง Feedback อย่างจริงใจ และเข้าใจผู้ใช้งานอย่างลึกซึ้ง เพื่อวางโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน และสร้างผลกระทบที่จับต้องได้
สตาร์ตอัปควรเริ่มต้นจากปัญหาที่แท้จริง สร้างเทคโนโลยีที่ใช้งานได้จริง วัดผลได้ ปลอดภัย และสามารถช่วยรัฐลดภาระในการดูแลประชาชน ซึ่งหากทำได้สำเร็จ ก็จะเกิดแรงกระเพื่อมในระดับสังคม และเปิดโอกาสให้เกิดการยอมรับในวงกว้าง
หลักคิด “การให้ก่อน” คือสิ่งที่เธอยึดถือ เพราะการสร้าง Impact ก่อนจะนำไปสู่การยอมรับและการเติบโตในระยะยาว นอกจากนี้ สตาร์ตอัปควรเตรียมความพร้อมด้านการเงิน เช่น การวางแผนกระแสเงินสดอย่างรอบคอบ เพราะการพัฒนาเทคโนโลยีด้านสุขภาพคือการลงทุนระยะยาว
ก้าวต่อไปของสตาร์ตอัปไทย
ท้ายที่สุด ความสำเร็จของสตาร์ตอัปต้องเริ่มต้นจากการ “เดินออกไปหาโอกาส” และ “เริ่มต้นจากการเป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลทันที” เพื่อให้เทคโนโลยีเกิดการใช้งานจริง และสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงให้กับชีวิตผู้คน
จากหลากหลายความคิดเห็นทั้งภาครัฐและเอกชน จะเห็นได้ว่าการพัฒนาและขับเคลื่อนสตาร์ตอัปสายสุขภาพไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่คือการ เข้าใจระบบสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งในด้านสุขภาพของคน เศรษฐกิจ และสังคม พร้อมทั้งต้องอาศัยกลไกสนับสนุนเชิงระบบ และ “ความร่วมมือที่แท้จริง” ระหว่างภาครัฐ เอกชน และผู้ใช้งาน
แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่สตาร์ตอัปไทยต้องลงมือทำอย่างต่อเนื่อง คือการ “ออกไปสำรวจโลกจริง เรียนรู้จากผู้ใช้งาน สร้างพันธมิตร และยืนหยัดให้ได้ในระยะยาว”
ในวันที่เทคโนโลยีสุขภาพสามารถพัฒนาได้ทุกอย่าง… สิ่งที่เราควรถามคือ เทคโนโลยีนั้นช่วยให้คนหายป่วย หรือช่วยให้ระบบสุขภาพของทั้งประเทศดีขึ้นได้อย่างไร