Startup Thailand | EN |
NIA ติดอาวุธสตาร์ตอัปไทย ผ่านงาน Startup Fundraising Training กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ เสริมศักยภาพก่อนลงสนามจริง
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้สตาร์ตอัปไทย ผ่านกิจกรรม Startup Fundraising Training 2025 ที่จัดขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานครและจังหวัดเชียงใหม่ มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะสำคัญด้านการระดมทุนอย่างมืออาชีพ ทั้งในด้าน การ Pitching การวางแผนธุรกิจ และการเจรจากับนักลงทุน (Investment Negotiation) โดยเน้นการวิเคราะห์ตนเองและธุรกิจเชิงลึก ก่อนเข้าสู่สนามจริง
กิจกรรมนี้ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญในวงการสตาร์ตอัปและการลงทุนมาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์จริง พร้อมให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ เพื่อปูพื้นฐานที่มั่นคงให้กับสตาร์ตอัปรุ่นใหม่ในการเติบโตอย่างยั่งยืนในระดับสากล
จากเด็กต่างจังหวัด สู่เจ้าของบริษัทมูลค่าพันล้าน
คุณโมชิเล่าเส้นทางที่เริ่มจากเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่มีเพียงคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวและมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งเข้ากรุงเทพฯ มาเป็นโปรแกรมเมอร์ ก่อนจะเข้าแคมป์ Webmaster Camp จนจุดประกายความฝันอยากเป็นสตาร์ตอัป ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เขาเลือกไม่ทิ้งอะไรไว้ข้างหลัง ทำงานประจำควบคู่กับการสร้างธุรกิจ และฝึกฝนการ Pitch อย่างต่อเนื่อง “Pitch ให้เก่ง พูดให้เก่ง
Research ให้เยอะ” คือก้าวแรกสู่ความสำเร็จที่เขาเน้นย้ำ โดยผ่านสูตรสำเร็จ Build – Measure – Learn ที่ช่วยให้ทดลองไอเดียได้เร็ว ผิดเร็ว ยิ่งเรียนรู้เร็ว
ทีมคือหัวใจ – นักลงทุนให้ความสำคัญกับ “คน” มากกว่าผลิตภัณฑ์ เพราะทีมที่แข็งแกร่งคือแรงขับเคลื่อนที่แท้จริงของธุรกิจ
เข้าใจ Pain Point อย่างแท้จริง – โมเดลธุรกิจที่ดีต้องเริ่มต้นจากความเข้าใจในปัญหาของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง
Timing คือศิลปะแห่งความสำเร็จ – เข้าเร็วไปตลาดยังไม่พร้อม เข้าช้าเกินอาจตกขบวน สตาร์ตอัปต้องจับจังหวะให้แม่นยำ
ศักยภาพในการขยายตัว (Scalability) – ธุรกิจที่เติบโตได้จริง ไม่ใช่แค่ดีในระดับเล็ก
เริ่มมีรายได้ แม้ยังไม่มีกำไร – นักลงทุนไม่ได้คาดหวังกำไรทันที แต่ต้องเห็นเส้นทางรายได้ที่ชัดเจน
ตลาดต้องใหญ่พอ – ตลาดขนาดใหญ่หรือมีศักยภาพเติบโตสูง คือจุดสนใจสำคัญของนักลงทุน
นวัตกรรมที่ลอกเลียนแบบได้ยาก – จุดแข็งที่แตกต่างต้องสามารถสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในระยะยาว
ระดมทุนไม่ใช่แค่ “หาเงิน” แต่คือ “หาพันธมิตร”
หนึ่งในข้อคิดสำคัญที่วิทยากรฝากไว้ คือ การระดมทุนไม่ใช่แค่การหาเงิน แต่คือการหาพันธมิตรทางธุรกิจที่พร้อมจะเติบโตไปด้วยกัน สตาร์ตอัปควรตั้งคำถามกับตัวเองให้ชัดเจนว่า ต้องการอะไรจากนักลงทุน นอกจากเงินทุน เช่น เครือข่าย, องค์ความรู้ หรือคำแนะนำเชิงกลยุทธ์
ที่สำคัญที่สุด คือ การเข้าใจการเงินของธุรกิจตัวเองอย่างทะลุปรุโปร่ง โดยเฉพาะกระแสเงินสด (Cash Flow) จุดตัดสินใจหลักของนักลงทุนหลายรายเลยทีเดียว
กิจกรรมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของ NIA ในการเร่งเครื่องพัฒนาสตาร์ตอัปไทยให้พร้อมเข้าสู่สนามแข่งขันระดับโลก โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้เข้าถึงแหล่งทุน ความรู้ และเครือข่ายจากทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลักดัน เศรษฐกิจนวัตกรรมของประเทศสู่การเติบโตแบบ High Growth, High Return และยั่งยืนในระยะยาว.
ไฮไลท์การอบรม ที่ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้แบบเจาะลึกในประเด็นสำคัญ
● แนวทางเข้าถึงแหล่งทุนทั้งจาก VC และ CVC
● การเตรียมตัวก่อน Pitching และ Checklist สำคัญก่อนเข้าระดมทุน
● การวางแผนธุรกิจที่นักลงทุนมองหา
● คู่มือการจัดการข้อพิพาทในรูปแบบที่สตาร์ตอัปต้องรู้
● เทคนิคการเจรจาที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
● การเลือกเงินทุนที่เหมาะกับธุรกิจ (ให้เปล่า / ถือหุ้น / ร่วมพัฒนา)
แรงบันดาลใจจากตัวจริงแห่งวงการ
เวทีนี้ยังได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าอบรมพูดคุย แลกเปลี่ยนและซึมซับประสบการณ์ตรงจากผู้คว่ำหวอดในวงการ ไม่ว่าจะเป็น
● คุณณิชาภัทร อาร์ค – รองนายกสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน และ Director ของ Openspace
● คุณวีร์ สิรสุนทร – CEO & Co-founder PRIMO และกรรมการสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย
● คุณสุริยพงศ์ ทับทิมแท้ – ผู้อำนวยการสถาบันอนุญาโตตุลาการ
● คุณศรัณย์ สุตันติวรคุณ – หุ้นส่วนบริหาร N-Vest Venture
● คุณภาณิน เพียรโรจน์ – COO และ Co-founder Zeen Innovation
● คุณธนฉัตร ตั้งศรีวงศ์ – Chief Representative, CyberAgent Capital, Inc.
● ดร.พณชิต กิตติปัญญางาม – CEO & Co-founder ZTRUS
● คุณณัฐศักดิ์ โรจนพิเชฐ – นายกสมาคมการค้าทีบาน และ Angel Investor
● คุณขวัญชาย มงคลกิจทวีผล – CEO, Nextate Technology Co., Ltd.
7 ปัจจัยเด็ด ที่นักลงทุนใช้ตัดสินใจลงทุน
ในเวทีอบรม วิทยากรได้ถอดรหัสความคิดนักลงทุนให้ชัดเจนว่า อะไรที่ทำให้ “ตัดสินใจทันที” หรือ “ถอยห่างทันใด”
1. ทีมคือหัวใจ
นักลงทุนให้ความสำคัญกับ “ทีม” มากกว่าตัวโปรดักต์ เพราะธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ แต่คนเปลี่ยนยาก การมีทีมที่เข้าใจกัน มุ่งมั่นเหมือนกัน คือปัจจัยสำคัญในการนำพาธุรกิจให้ฝ่าฟันอุปสรรคไปได้
2. เข้าใจ Pain Point และแก้ปัญหาได้จริง
หากสตาร์ตอัปไม่สามารถอธิบาย Pain Point ของลูกค้าได้อย่างชัดเจน นักลงทุนจะมองว่าโมเดลธุรกิจยังไม่แข็งแรง การเข้าใจปัญหาเชิงลึก คือ จุดเริ่มของนวัตกรรมที่แท้จริง
3. Timing คือศิลปะ
การเข้าเร็วเกินไป ลูกค้าอาจยังไม่พร้อม การเข้าช้าเกินไป ตลาดอาจถูกยึดครองแล้ว นักลงทุนจึงมองว่า Timing คือศิลปะของความสำเร็จ สตาร์ตอัปต้องจับจังหวะตลาดให้แม่นยำ
4. ศักยภาพในการขยายตัว (Scalability)
นักลงทุนมองหาธุรกิจที่ไม่ใช่แค่ดีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเติบโตได้ด้วย การออกแบบระบบหรือโมเดลที่รองรับการเติบโตในอนาคต คือหัวใจสำคัญของการ Scale ธุรกิจ
5. เริ่มมีรายได้ แม้ยังไม่มีกำไร
นักลงทุนมองอนาคตไม่ใช่แค่ตัวเลขในวันนี้ ดังนั้นในระยะเริ่มต้น นักลงทุนไม่ได้คาดหวังกำไรทันที แต่ต้องเห็นเส้นทางรายได้ที่ชัดเจน
6. ตลาดต้องใหญ่พอ
ไม่ว่าผลิตภัณฑ์นั้นจะดีเพียงใด หากตลาดเล็กเกินไป ก็ไม่สามารถดึงดูดนักลงทุนให้สนใจได้ ธุรกิจที่สามารถขยายไปยังตลาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม หรือมีแนวโน้มเติบโตสูง จะถูกมองว่า เป็นธุรกิจที่มีอนาคต
7. นวัตกรรมเฉพาะตัว ลอกเลียนแบบยาก (Innovation)
นักลงทุนมองหาจุดแข็งที่แตกต่าง หากไอเดียสามารถลอกเลียนแบบได้ง่าย ก็ไม่ต่างจากธุรกิจทั่วไป ต่างจากนวัตกรรมที่แท้จริงต้องสามรถสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันและปกป้องตัวเองในตลาดได้