UPSTAGE

UPSTAGE”: แพลตฟอร์ม Deep Tech ที่ปฏิวัติวงการแคสติ้งและไลฟ์คอมเมิร์ซ ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

UPSTAGE”: แพลตฟอร์ม Deep Tech 

ที่ปฏิวัติวงการแคสติ้งและไลฟ์คอมเมิร์ซ 

ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

UPSTAGE CASTING CO., LTD. คือหนึ่งในสตาร์ทอัปผู้เชี่ยวชาญด้าน Deep Tech สาขา Internet of Things (IoT) ที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ Startup Thailand DeepTech 2025 ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เพื่อพัฒนาศักยภาพในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีเชิงลึกสู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดด 

ในโลกของการตลาดและบันเทิงยุคดิจิทัล การค้นหานักแสดง (Talent) ที่ใช่และมีประสิทธิภาพในการขายสินค้าผ่าน Live-Commerce คือหัวใจสำคัญ UPSTAGE CASTING CO., LTD. ได้ก้าวเข้ามาปฏิวัติกระบวนการนี้ด้วยแพลตฟอร์ม UPSTAGE (อัพสเตจ) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแคสติ้งและไลฟ์คอมเมิร์ซที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เชื่อมโยงแบรนด์ บริษัทโปรดักชัน และบุคลากรผู้มีความสามารถทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

 

UPSTAGE: แคสติ้งง่ายขึ้น แม่นยำขึ้น ด้วยพลัง AI 

UPSTAGE ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาความยุ่งยากและใช้เวลานานในกระบวนการสรรหาและคัดเลือกผู้มีความสามารถ (Talent Sourcing) แบบดั้งเดิม ด้วยการนำ AI มาใช้ในการกลั่นกรองและคัดเลือก ทำให้กระบวนการแคสติ้งเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และแม่นยำยิ่งขึ้น ช่วยลดระยะเวลาที่ใช้ในการค้นหาบุคลากรที่เหมาะสม และยกระดับประสิทธิภาพทางการตลาดของแบรนด์ให้สูงขึ้น 

 

Live-Commerce ที่วัดผลได้จริง 

หัวใจสำคัญอีกประการที่ทำให้ UPSTAGE โดดเด่นคือฟีเจอร์ “Live-Sales Attribution” ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้แบรนด์สามารถติดตามผลลัพธ์การขายที่เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์จากอินฟลูเอนเซอร์หรือผู้มีความสามารถที่ทำ Live-Commerce ได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ได้อย่างโปร่งใสและแม่นยำ นี่คือสิ่งที่ตอบโจทย์ธุรกิจที่ต้องการความชัดเจนในการวัดผลลัพธ์การตลาดในยุคที่ Live-Commerce มีบทบาทสูง 

 

ก้าวสู่ตลาดโลกจากภูมิภาค 

UPSTAGE ได้พิสูจน์ศักยภาพของตนเองแล้วด้วยการดำเนินงานใน ประเทศหลัก ได้แก่ ประเทศไทย สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ และมีแผนการขยายตลาดอย่างต่อเนื่องไปยังมาเลเซียและเวียดนาม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้เล่นหลักในตลาด Deep Tech ด้าน IoT และการค้าในภูมิภาค 

การเข้าร่วมโครงการ Startup Thailand DeepTech 2025 ของ NIA ในครั้งนี้ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ UPSTAGE สามารถพัฒนาศักยภาพของผลิตภัณฑ์และบริการให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นผ่านการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ และการทำกิจกรรม Problem-based learning ที่เน้นการแก้ปัญหาจริง เพื่อให้แพลตฟอร์ม Deep Tech สัญชาติไทยนี้สามารถขยายธุรกิจและสร้างการแข่งขันในเวทีระดับโลกได้อย่างมั่นคงและรวดเร็ว 

MusaWa Puffs

ซาว่า พัฟฟ์” (MusaWa Puffs): เมื่อนวัตกรรม AgiTech-FoodTech นำ “กล้วยน้ำว้าดิบ” สู่ซีเรียล-ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพแห่งอนาคต 

ซาว่า พัฟฟ์” (MusaWa Puffs): 

เมื่อนวัตกรรม AgiTech-FoodTech นำ “กล้วยน้ำว้าดิบ” 

สู่ซีเรียล-ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพแห่งอนาคต 

ในยุคที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพอย่างจริงจัง อาหารที่เป็นประโยชน์และมีนวัตกรรม จึงเป็นคำตอบที่ตลาดกำลังมองหา และนี่คือโอกาสของ บริษัท มูซาเรี่ยม จำกัด (Musarium Co., Ltd.) สตาร์ตอัป Deep Tech ด้าน AgiTech-FoodTech ที่ได้นำวัตถุดิบท้องถิ่นของไทยมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สุดล้ำอย่าง “มูซาว่า พัฟฟ์” (MusaWa Puffs) 

มูซาว่า พัฟฟ์: อร่อยง่าย…ได้สุขภาพ 

“มูซาว่า พัฟฟ์” คือผลิตภัณฑ์อาหารประเภทซีเรียลและขนมขบเคี้ยวที่ถูกคิดค้นโดยนักวิทยาศาสตร์อาหาร โดยใช้ วัตถุดิบจากธรรมชาติในไทย 100% จุดเด่นสำคัญอยู่ที่การใช้ แป้งกล้วยน้ำว้าดิบ เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีสรรพคุณทางยา โดยเฉพาะการ ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร 

นอกจากนี้ แป้งกล้วยน้ำว้าดิบยังมีคุณสมบัติเด่นคือ มีแป้งต้านทานการย่อยสูง (Resistant Starch) ซึ่งทำหน้าที่เป็น พรีไบโอติก (Prebiotic) ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบขับถ่าย และที่สำคัญคือมี ดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low Glycemic Index) ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับ: 

  • ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก 
  • ผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด 

เพื่อเพิ่มมิติของรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ “มูซาว่า พัฟฟ์” ยังได้ผสมผสานกับวัตถุดิบท้องถิ่นชั้นดีอื่น ๆ เช่น แป้งข้าวสังข์หยด, ข้าวหอมมะลิ และเพิ่มความหวานด้วย น้ำตาลโตนด ทำให้ได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่สำคัญคือช่วยให้คุณสามารถอร่อยไปกับขนมหรืออาหารเช้าที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพได้ทุกวันอย่างไม่รู้สึกผิด 

ยกระดับ Deep Tech สู่ตลาดโลกด้วยการสนับสนุนจาก NIA 

ความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็น Deep Tech อย่าง “มูซาว่า พัฟฟ์” ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจาก สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ผ่านโครงการ Startup Thailand DeepTech 2025 

การเข้าร่วมโครงการนี้เปิดโอกาสให้ทีมงานของ มูซาเรี่ยม จำกัด ได้ พัฒนาศักยภาพนักบริหารระดับสูง ผ่านกิจกรรมเข้มข้นที่เน้นการเรียนรู้จากปัญหาจริง (Problem-based learning) ได้รับ คำปรึกษาและคำแนะนำแนวทางการดำเนินงานจากผู้ทรงคุณวุฒิ รวมถึงการ ทดสอบการใช้งานผลิตภัณฑ์กับกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยตรงผ่านกิจกรรม Business Matching ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างและเชื่อมโยงเครือข่าย เพื่อให้สตาร์ตอัป Deep Tech มีโอกาส สร้างรายได้, ได้รับการร่วมลงทุน และขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด บนเวทีระดับภูมิภาคและระดับโลก 

มูซาเรี่ยม จำกัด จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของสตาร์ตอัปไทยที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) เพื่อเปลี่ยนวัตถุดิบพื้นบ้านให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอาหารที่ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพโลกได้อย่างลงตัว ทำให้ “มูซาว่า พัฟฟ์” ไม่ได้เป็นเพียงแค่ขนม แต่คือทางเลือกเพื่อสุขภาพที่เป็นอนาคตของ AgiTech-FoodTech ไทย 

Nicha

ปฏิวัติอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน: Nicha CCUS เทคโนโลยี Energy Tech ดักจับคาร์บอน สร้างมูลค่าเพิ่ม ตอบโจทย์ลดโลกร้อน 

ปฏิวัติอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน: 

Nicha CCUS เทคโนโลยี Energy Tech 

ดักจับคาร์บอน สร้างมูลค่าเพิ่ม ตอบโจทย์ลดโลกร้อน 

ในยุคที่ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมเป็นวาระเร่งด่วนของโลก การพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึก (DeepTech) เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง Nicha Climate Tech Co.,Ltd. สตาร์ทอัพด้าน Energy Tech ผู้เข้าร่วมโครงการ Startup Thailand DeepTech 2025 ที่จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ได้นำเสนอโซลูชันที่น่าจับตา นั่นคือ Nicha CCUS: ระบบดักจับคาร์บอนไดออกไซด์จากปล่องไอเสียโรงงานอุตสาหกรรม แล้วนำมาใช้ประโยชน์และกักเก็บ 

 

Nicha CCUS: เทคโนโลยีเปลี่ยนของเสียเป็นโอกาสทางธุรกิจ 

Nicha CCUS ไม่ใช่แค่ระบบดักจับคาร์บอนทั่วไป แต่เป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อ ลดต้นทุนและพลังงาน ในกระบวนการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization, and Storage – CCUS) โดยเฉพาะ ความโดดเด่นของเทคโนโลยีนี้อยู่ที่การเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ($CO_2$) ที่ปล่อยออกมาจากปล่องไอเสียโรงงานอุตสาหกรรม ให้กลายเป็น สารละลายคาร์บอเนตไอออน ($CO_3^{2-}$) ที่สามารถนำไปใช้ต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

กระบวนการทำงานที่ชาญฉลาด: 

ระบบทำงานโดยดักจับก๊าซ $CO_2$ เข้าสู่ระบบและทำปฏิกิริยากับ น้ำอัลคาไลน์ภายใต้ความดัน โดยมีการควบคุมอัตโนมัติแบบวงจรปิด (Closed-loop Automatic Control) เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างเหมาะสมและประหยัดพลังงาน ผลลัพธ์ที่ได้คือ สารละลายคาร์บอเนต ซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่มีมูลค่าและนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย 

สร้างมูลค่าเพิ่มจากคาร์บอนที่ถูกดักจับ: 

สิ่งที่ทำให้ Nicha CCUS แตกต่างและน่าสนใจคือการเปลี่ยนก๊าซเรือนกระจกให้เป็น ทรัพยากร โดยสารละลายคาร์บอเนตไอออน ($CO_3^{2-}$) ที่ได้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อมได้หลายด้าน เช่น: 

  • บำบัดฟื้นฟูทะเล: ช่วยในการปรับปรุงคุณภาพน้ำและระบบนิเวศทางทะเล 
  • ปรับปรุงดินทางการเกษตร: เพิ่มความอุดมสมบูรณ์และลดความเป็นกรดของดิน 
  • การผลิตปูนซีเมนต์และคอนกรีต: นำไปเป็นส่วนประกอบในการผลิตวัสดุก่อสร้างที่ยั่งยืนขึ้น 
  • การบำบัดน้ำเสีย: ช่วยในกระบวนการปรับสภาพน้ำและกำจัดมลพิษ 

นี่คือการบรรลุเป้าหมายแบบ Two-in-One ที่โรงงานอุตสาหกรรมจะได้ทั้งการ ลดการปล่อยคาร์บอน สอดคล้องกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก และในขณะเดียวกันก็ สร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ใหม่ จากการใช้ประโยชน์ของสารละลายคาร์บอเนตไอออน ($CO_3^{2-}$) 

 

 

การสนับสนุนจากโครงการ Startup Thailand DeepTech 2025 

การเข้าร่วมโครงการ Startup Thailand DeepTech 2025 ของ NIA ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับ Nicha Climate Tech โครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลักในการ ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ วิสาหกิจเริ่มต้นด้าน DeepTech เช่น Nicha Climate Tech ให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง 

ตลอดการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ อาทิ กิจกรรมพัฒนานักบริหารระดับสูง การได้รับ คำปรึกษาและคำแนะนำจากผู้ทรงคุณวุฒิ การ จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ กับกลุ่มอุตสาหกรรม และการ ศึกษาดูงาน ต่างๆ จะช่วยให้ Nicha Climate Tech สามารถ คิดวิเคราะห์จากปัญหาจริง (Problem-based learning) พัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจ และ สร้างโอกาสในการร่วมลงทุนและการขยายตลาด สู่ระดับภูมิภาคและระดับโลกได้อย่างก้าวกระโดด 

 

มุ่งหน้าสู่โลกที่คาร์บอนเป็นศูนย์ 

Nicha CCUS เป็นตัวอย่างของนวัตกรรม DeepTech สัญชาติไทยที่มีศักยภาพในการเป็น เกมส์เชนเจอร์ ในตลาด Energy Tech และ Climate Tech ระดับโลก ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้การลดคาร์บอนไม่เป็นเพียงภาระต้นทุน แต่เป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ Nicha Climate Tech Co., Ltd. จึงเป็นสตาร์ทอัพที่น่าจับตา ซึ่งพร้อมจะนำพาภาคอุตสาหกรรมไทยก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน 🌱

Farm Up

ฟาร์มอัพ” (FarmUp): ขับเคลื่อนเกษตรไทยยุคใหม่ ด้วยพลัง AI ลบช่องว่างห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน! ปฏิวัติวงการเกษตรและโลจิสติกส์ด้วย Deep Tech 

ฟาร์มอัพ” (FarmUp): ขับเคลื่อนเกษตรไทยยุคใหม่ 

ด้วยพลัง AI ลบช่องว่างห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน! 

ปฏิวัติวงการเกษตรและโลจิสติกส์ด้วย Deep Tech 

ในยุคที่เทคโนโลยีขับเคลื่อนทุกภาคส่วน บริษัท ฟาร์มอัพ จำกัด คือหนึ่งในสตาร์ตอัป Deep Tech ที่ก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นสำคัญในการยกระดับภาคการเกษตรของไทย ด้วยผลิตภัณฑ์หลักคือ “ฟาร์มอัพ (FarmUp) – AI-driven Agri-Logistics & Trading Platform” ซึ่งใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) มาแก้ปัญหาสุดคลาสสิกของเกษตรกรไทย นั่นคือ “การเข้าถึงตลาด” และ “ความไร้ประสิทธิภาพของโลจิสติกส์” 

“ฟาร์มอัพ” คืออะไร? 

ฟาร์มอัพ คือแพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในห่วงโซ่อุปทานการเกษตรทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันอย่างราบรื่น: เกษตรกร, ผู้ซื้อรายใหญ่, และผู้ให้บริการขนส่ง 

จุดเด่นและนวัตกรรมหลัก 

1.AI พยากรณ์ตลาดและวางแผนขนส่ง: ระบบ AI ของฟาร์มอัพไม่ได้เป็นเพียงตลาดกลาง แต่สามารถ พยากรณ์ความต้องการของตลาด สำหรับสินค้าเกษตรต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงการ วางแผนเส้นทางและจัดสรรการขนส่ง ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ และทำให้สินค้าถึงมือผู้ซื้อในสภาพที่ดีที่สุดและตรงเวลา เพิ่มพลังเกษตรกรด้วย LINE Bot: เกษตรกรสามารถลงทะเบียนและ ประกาศขายผลผลิต ได้อย่างง่ายดายผ่านช่องทางที่คุ้นเคยอย่าง LINE Bot ทำให้การเข้าถึงตลาดเป็นเรื่องง่าย ไม่ซับซ้อน และช่วยให้เกษตรกรสามารถควบคุมราคาและจัดการผลผลิตของตนเองได้ดียิ่งขึ้น 

2.ความโปร่งใสและยั่งยืน: แพลตฟอร์มสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อในเรื่องของคุณภาพและกำหนดการส่งมอบที่ชัดเจน ช่วย ลดการพึ่งพาพ่อค้าคนกลาง ที่มักกดราคา ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น นำไปสู่การสร้าง ห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนและโปร่งใส ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ 

ฟาร์มอัพได้เริ่มนำร่องใช้งานกับพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ อาทิ สับปะรด ข้าว มันสำปะหลัง และทุเรียน เพื่อพิสูจน์ศักยภาพของเทคโนโลยี AI ในสภาพแวดล้อมจริง 

3.ก้าวสำคัญภายใต้โครงการ Startup Thailand DeepTech 2025 

การเข้าร่วมโครงการ Startup Thailand DeepTech 2025 ที่จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัท ฟาร์มอัพ โครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลักในการ ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจเริ่มต้นที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) ให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมได้อย่างแท้จริง 

ฟาร์มอัพได้รับโอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาที่เข้มข้น เช่น กิจกรรมพัฒนานักบริหารระดับสูง การเรียนรู้ผ่าน Problem-based learning จากปัญหาจริง รวมถึงการรับคำปรึกษาและคำแนะนำจากผู้ทรงคุณวุฒิ การ จับคู่ธุรกิจ (Business Matching) กับกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และโอกาสในการ นำเสนอผลงานเพื่อขยายตลาดและสร้างรายได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้แพลตฟอร์ม FarmUp สามารถพัฒนาไปสู่การเป็นผู้นำด้าน Agri-Logistics ในระดับภูมิภาคและระดับโลกได้อย่างก้าวกระโดด 

บริษัท ฟาร์มอัพ จำกัด จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้ Deep Tech อย่าง AI เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย (Impactful Change) ในภาคเกษตรกรรมไทย ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรเท่านั้น แต่ยังสร้างระบบนิเวศการซื้อขายที่ยุติธรรม มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนสำหรับทุกคนในห่วงโซ่อุปทาน 

Soma

โซมะ เต้าหู้บอล” (SOMA ball): โปรตีนพืชสุดล้ำ! อร่อยดีต่อสมองและร่างกาย พลังขับเคลื่อนจาก DEEP TECH STARTUP ไทย 

โซมะ เต้าหู้บอล” (SOMA ball): โปรตีนพืชสุดล้ำ! 

อร่อยดีต่อสมองและร่างกาย พลังขับเคลื่อนจาก

 DEEP TECH STARTUP ไทย 

ในยุคที่ผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพมากขึ้น การมองหาอาหารที่มีประโยชน์และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบถือเป็นเทรนด์สำคัญ และนี่คือจุดเริ่มต้นของ “โซมะ เต้าหู้บอล” (SOMA ball) ผลิตภัณฑ์โปรตีนพืชสุดล้ำจากบริษัท JP Lab Supply Co., Ltd. สตาร์ทอัพด้าน AgiTech-FoodTech ที่กำลังสร้างความฮือฮาในวงการอาหารและสุขภาพ 

SOMA Ball ไม่ใช่แค่เต้าหู้ธรรมดา แต่เป็นการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) มาใช้ในการผลิตอย่างแท้จริง โดยเป็นโปรตีนพืชที่ได้จากการหมักนมถั่วเหลืองด้วยจุลินทรีย์ธรรมชาติ ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่ม กลมกล่อม และอร่อยเป็นเอกลักษณ์ ที่สำคัญคืออัดแน่นด้วยคุณประโยชน์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร: 

ดีต่อสมอง: มีสาร กาบา (GABA) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าช่วยบำรุงสมอง ทำให้สมองแจ่มใส 

ดีต่อร่างกาย: เป็นแหล่งโปรตีนสูง ย่อยง่าย ไม่มีเกลือ และที่สำคัญคือ ไม่ใส่วัตถุกันเสีย 

ปลอดภัย 100%: ปราศจากการใช้สารเคมีในทุกขั้นตอนการผลิต ทำให้มั่นใจได้ในความบริสุทธิ์และคุณค่าทางโภชนาการ 

 

ด้วยจุดเด่นเหล่านี้ ทำให้ SOMA Ball กลายเป็นวัตถุดิบที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพได้อย่างลงตัว สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นการนำไปทำเป็นลูกชิ้นในเมนูต่างๆ สลัด หรือจะทานเล่นก็อร่อยและได้ประโยชน์เต็มๆ 

การที่ JP Lab Supply นำนวัตกรรมระดับ Deep Tech มาพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารอย่าง SOMA Ball ได้รับการสนับสนุนครั้งสำคัญจากการเข้าร่วมโครงการ Startup Thailand DeepTech 2025 ที่จัดขึ้นโดย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA 

โครงการนี้มุ่งเน้นการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกให้สามารถขยายธุรกิจได้อย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน AgiTech-FoodTech ที่ SOMA Ball มีความเชี่ยวชาญ การเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่น การพัฒนานักบริหารระดับสูง การรับคำปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิ การจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) กับกลุ่มอุตสาหกรรม และการนำเสนอผลงานสู่การขยายตลาด ได้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ JP Lab Supply สามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้พร้อมแข่งขันในเวทีระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว 

SOMA Ball จึงไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์อาหาร แต่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความสำเร็จในการผสานนวัตกรรม Deep Tech เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ สร้างสรรค์โปรตีนทางเลือกที่อร่อย ดีต่อสุขภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ติดตามและร่วมสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมรายนี้ได้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์อนาคตอาหารที่ดีต่อ “สมองแจ่มใส ร่างกายแข็งแรง” ของทุกคน! 

KOOM Air

“KOOM Air” โซลูชั่นอัจฉริยะจาก Smart Tech ที่เปลี่ยน ‘แอร์’ ให้เป็นเครื่องมือลดค่าใช้จ่าย! 

“KOOM Air” โซลูชั่นอัจฉริยะจาก Smart Tech 

ที่เปลี่ยน แอร์‘ ให้เป็นเครื่องมือลดค่าใช้จ่าย! 

ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนผ่านสู่องค์กรยั่งยืน และความท้าทายด้านต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น บริษัท สมาร์ทเทค (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้าน Deep Tech Startup ในกลุ่ม Internet of Things (IoT) ได้นำเสนอทางออกสุดชาญฉลาดสำหรับองค์กรธุรกิจและอุตสาหกรรม ด้วยผลิตภัณฑ์เรือธงอย่าง KOOM Air (คุมแอร์): โซลูชั่นอัจฉริยะสำหรับการบริหารจัดการเครื่องปรับอากาศ ที่กำลังจะก้าวไปอีกขั้นผ่านการเข้าร่วมโครงการ Startup Thailand DeepTech 2025 ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) 

 

KOOM Air: “คุมแอร์” ได้อยู่หมัด ลดค่าไฟได้จริงแบบยั่งยืน 

เครื่องปรับอากาศคือหนึ่งในแหล่งใช้พลังงานที่สำคัญที่สุดในอาคารสำนักงาน โรงแรม หรือโรงงานต่างๆ และมักเป็นต้นทุนแฝงที่สูงเกินความจำเป็น KOOM Air จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อพลิกโฉมการบริหารจัดการแอร์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยี IoT เป็นหัวใจสำคัญ 

 

KOOM Air คืออะไร? 

คือโซลูชั่นที่เปลี่ยนเครื่องปรับอากาศธรรมดาให้เป็น “แอร์อัจฉริยะ” ที่สามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติ ตามนโยบายการใช้พลังงานที่องค์กรกำหนดไว้ ช่วยลดการสูญเสียพลังงานที่ไม่จำเป็น และลดค่าไฟได้อย่างเห็นผล 

 

จุดเด่นที่ทำให้ KOOM Air โดดเด่น: 

ควบคุมอัตโนมัติ: ใช้เทคโนโลยี IoT ในการควบคุมการทำงานของเครื่องปรับอากาศให้เป็นไปตามตารางเวลาหรือเงื่อนไขที่ตั้งไว้โดยอัตโนมัติ ทำให้หมดปัญหาการเปิดแอร์ทิ้งไว้ หรือการปรับอุณหภูมิที่สิ้นเปลืองเกินไป 

มอนิเตอร์แบบ Real-time: ผู้บริหารสามารถตรวจสอบสถานะการทำงานของแอร์ทุกเครื่องได้แบบเรียลไทม์ผ่านแพลตฟอร์ม ทำให้มองเห็นภาพรวมการใช้พลังงานได้ทันที 

รายงานประวัติการใช้งาน: สามารถดูประวัติการใช้งานย้อนหลังได้อย่างละเอียด ทั้งช่วงเวลาที่เปิด-ปิด และอุณหภูมิที่ใช้งาน ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการวิเคราะห์และปรับปรุงนโยบายการประหยัดพลังงานขององค์กร 

ลดต้นทุนอย่างยั่งยืน: เป้าหมายหลักของ KOOM Air คือการช่วยให้องค์กรลดค่าไฟและต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ตอบโจทย์เทรนด์การเป็นองค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Sustainability) 

 

ก้าวสำคัญกับ Startup Thailand DeepTech 2025 

การเข้าร่วมโครงการ Startup Thailand DeepTech 2025 ของ NIA ถือเป็นโอกาสทองสำหรับ บริษัท สมาร์ทเทค (ไทยแลนด์) จำกัด ที่จะได้รับทั้งการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพจากผู้เชี่ยวชาญระดับสูงในอุตสาหกรรม เพื่อให้ KOOM Air สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมได้มากยิ่งขึ้น โครงการนี้เน้นการเรียนรู้จากปัญหาจริง (Problem-based learning) การให้คำปรึกษาเชิงลึก และการสร้างโอกาสในการขยายตลาด ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม จับคู่ธุรกิจ (Business Matching) กับกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรม การนำเสนอผลงานสู่การขยายตลาด ไปจนถึงการสร้างโอกาสในการร่วมลงทุน เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดและแข่งขันในเวทีระดับโลก 

KOOM Air จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่อุปกรณ์ควบคุม แต่เป็น “ผู้ช่วยอัจฉริยะ” ที่ช่วยให้องค์กรประหยัดพลังงาน ลดค่าใช้จ่าย และก้าวสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ใครที่กำลังมองหาโซลูชั่นลดต้นทุนพลังงานที่ล้ำสมัยและตอบโจทย์องค์กรยุคใหม่ ไม่ควรพลาดที่จะทำความรู้จักกับนวัตกรรม IoT ตัวนี้จากฝีมือสตาร์ทอัพไทย! 

Biome D

เจาะลึกนวัตกรรม: “Biome D” โพรไบโอติกเฉพาะทางสู้เมตาบอลิกซินโดรม 

เจาะลึกนวัตกรรม: “Biome D” โพรไบโอติก

เฉพาะทางสู้เมตาบอลิกซินโดรม 

ในยุคที่สุขภาพลำไส้คือเทรนด์สำคัญ “โพรไบโอติก” ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต แต่จะมีกี่ผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจความต้องการเฉพาะทางของคนไทยและเอเชียอย่างแท้จริง? วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ บริษัท แสงระวีอาหารพัฒนา จำกัด สตาร์ทอัปด้าน AGITECH-FOODTECH ที่เข้าร่วมโครงการ Startup Thailand DeepTech 2025 จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA และกำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยนวัตกรรมโพรไบโอติกที่แม่นยำและล้ำลึก 

 

Biome D: โซลูชั่น DeepTech เพื่อจัดการ Metabolic Syndrome 

บริษัท แสงระวีอาหารพัฒนา จำกัด ภายใต้แบรนด์ Biome D กำลังนำเสนอผลิตภัณฑ์เรือธง คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โพรไบโอติก ช็อต รสออริจินอล (Probiotic Shot Dietary Supplement, Original Flavor) ซึ่งเป็นมากกว่าโพรไบโอติกทั่วไป ด้วยความเชี่ยวชาญด้านจุลินทรีย์สำหรับระบบลำไส้ของคนไทยและเอเชียโดยเฉพาะ 

สิ่งที่ทำให้ Biome D แตกต่างและถูกจัดเป็น DeepTech Startup คือการมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนอย่าง ภาวะเมตาบอลิกซินโดรม ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน และหลอดเลือด (เช่น ภาวะอ้วนลงพุง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง) 

 

หัวใจของผลิตภัณฑ์: 

สายพันธุ์จุลินทรีย์เฉพาะ: ใช้สายพันธุ์ Lactiplantibacillus plantarum CMUB-N14 ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ถูกคัดเลือกและพัฒนาเพื่อตอบโจทย์สุขภาพลำไส้ของกลุ่มเป้าหมายในภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง 

เทคโนโลยีไมโครเอนแคปซูเลชัน (Microencapsulation): นี่คือหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีเชิงลึก! การนำจุลินทรีย์ไปห่อหุ้มด้วยเทคโนโลยีนี้ช่วย เพิ่มประสิทธิภาพการอยู่รอดของจุลินทรีย์ ให้สามารถเดินทางผ่านสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดในกระเพาะอาหาร และไปทำงานได้อย่างเต็มที่ในลำไส้ ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายหลัก 

Biome D นำเสนอทางออกที่ไม่ใช่แค่การดูแลลำไส้ แต่เป็นการจัดการสุขภาพแบบองค์รวมที่ผ่านการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ มีความคุ้มค่า และพร้อมตอบโจทย์ทั้งการจัดการกลุ่มอาการเมตาบอลิกซินโดรมและการดูแลสุขภาพลำไส้ในระยะยาว 

 

 

NIA หนุน DeepTech สู่การเติบโตแบบก้าวกระโดด 

การเข้าร่วมโครงการ Startup Thailand DeepTech 2025 ของ NIA ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยตอกย้ำความน่าเชื่อถือและศักยภาพในการเติบโตของ Biome D โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ชัดเจนในการ ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจเริ่มต้นที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก ให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมได้อย่างแท้จริง 

ด้วยการสนับสนุนจาก NIA และนวัตกรรม DeepTech ที่เป็นเอกลักษณ์ Biome D ไม่เพียงแต่เป็นความหวังใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการจัดการปัญหาสุขภาพอย่าง Metabolic Syndrome เท่านั้น แต่ยังเป็นตัวอย่างของสตาร์ทอัพไทยที่ใช้รากฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเชิงลึกในการสร้างความแตกต่างและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างยั่งยืน 

MUU Protein

นมที่ไม่ใช่นมวัว” คืออนาคต! ซีวีดี คอร์ป พลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหาร ด้วยโปรตีนนมจากนวัตกรรม Precision Fermentation  

นมที่ไม่ใช่นมวัว” คืออนาคต! ซีวีดี คอร์ป 

พลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหาร ด้วยโปรตีนนมจากนวัตกรรม 

Precision Fermentation  

ในยุคที่ผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพและความยั่งยืนมากขึ้น บริษัท ซีวีดี คอร์ป จำกัด สตาร์ทอัพด้าน AGITECH-FOODTECH คลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตา กำลังนำเสนอนวัตกรรมที่จะมาเปลี่ยนโลกของผลิตภัณฑ์นม นั่นคือ “ผงโปรตีนนมจากกระบวนการหมักแบบแม่นยำ” ผลิตภัณฑ์ที่ให้คุณสมบัติทางโภชนาการและรสชาติเหมือนโปรตีนในนมวัวทุกประการ แต่ผลิตขึ้นโดย “ไม่ต้องพึ่งพาสัตว์หรือพืช” เลย 

 

เจาะลึกนวัตกรรม: โปรตีนนมที่มาจากจุลินทรีย์ 

ผลิตภัณฑ์เด่นของซีวีดี คอร์ป คือผงโปรตีนนมที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) สุดล้ำอย่าง Precision Fermentation เทคโนโลยีนี้ถือเป็นนวัตกรรมขั้นสูงในวงการ Food-tech และ Biotech โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การใช้ “จุลินทรีย์ที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาโดยเฉพาะ” 

กระบวนการนี้จะให้จุลินทรีย์ทำหน้าที่เป็น “โรงงานผลิต” โดยพวกมันจะบริโภคสารอาหารที่เตรียมไว้ และผลิตโปรตีนนมตัวเดียวกันกับโปรตีนในนมวัวออกมา ซึ่งเป็นกระบวนการที่แม่นยำและควบคุมได้สูง ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ เป็นแหล่งโปรตีนที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 

ซีวีดี คอร์ป พัฒนาเทคโนโลยีนี้ด้วยทีมงานของตนเอง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาของสตาร์ทอัพไทยในการสร้างสรรค์นวัตกรรมระดับโลก 

 

NIA หนุนเต็มที่ สู่การเติบโตระดับโลก 

การเข้าร่วมโครงการ Startup Thailand DeepTech 2025 ที่จัดโดย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดันให้ ซีวีดี คอร์ป ก้าวสู่การเติบโตแบบก้าวกระโดด โครงการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อ ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจเริ่มต้นที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก ให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมได้อย่างแท้จริง ด้วยการสนับสนุนจาก NIA ที่มุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่ขับเคลื่อนบนฐานนวัตกรรม จะช่วยให้ ซีวีดี คอร์ป นำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทั้งในเวทีระดับภูมิภาคและระดับโลก 

 

 

อนาคตของอาหาร: สุขภาพที่ดีขึ้น โลกที่ยั่งยืนกว่า 

ผงโปรตีนนมจาก Precision Fermentation ของ ซีวีดี คอร์ป ไม่ได้เป็นแค่ทางเลือก แต่คือ อนาคตของโปรตีนในอาหาร เพราะมันมอบประโยชน์ทั้งในด้านโภชนาการที่เทียบเท่านมวัว และยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการทำปศุสัตว์แบบดั้งเดิม 

 

สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม นี่คือวัตถุดิบแห่งอนาคตที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพสูง ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการอาหารเพื่อสุขภาพอย่างยั่งยืน ติดตามความสำเร็จของ บริษัท ซีวีดี คอร์ป จำกัด สตาร์ทอัพไทยผู้กล้าคิดค้นนวัตกรรมเพื่อปฏิวัติวงการอาหารโลก! 

MERLINIUM

การซ่อมบำรุงด้วย AI: “Merlinium IoT” จากบริษัท เมอร์ลิเนียม สตาร์ทอัพ DeepTech ผู้ช่วยโรงงานยุคใหม่ 

การซ่อมบำรุงด้วย AI: “Merlinium IoT” 

จากบริษัท เมอร์ลิเนียม 

สตาร์ทอัพ DeepTech ผู้ช่วยโรงงานยุคใหม่ 

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพและความเร็ว การหยุดชะงักของเครื่องจักรโดยไม่คาดคิด (Unplanned Downtime) ถือเป็นฝันร้ายที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนและภาพรวมการผลิต การมาถึงของ DeepTech Startup จึงเป็นความหวังใหม่ในการยกระดับภาคอุตสาหกรรม และหนึ่งในผู้เล่นที่น่าจับตาคือ บริษัท เมอร์ลิเนียม จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้าน Internet of Things (IoT) ที่กำลังปฏิวัติวงการซ่อมบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์เรือธงอย่าง “Merlinium IoT” 

 

Merlinium IoT: เซนเซอร์อัจฉริยะที่มองเห็นอนาคตเครื่องจักร 

Merlinium IoT คือระบบเซนเซอร์สำหรับ Predictive Maintenance (การซ่อมบำรุงเชิงคาดการณ์) ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหา Downtime และลดต้นทุนการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ระบบนี้ไม่ใช่แค่การเก็บข้อมูล แต่คือการติดตั้ง “ดวงตา” และ “สมองกล” ให้กับเครื่องจักรของคุณ 

หัวใจสำคัญของ Merlinium IoT คือเซนเซอร์ที่สามารถตรวจจับพฤติกรรมสำคัญของเครื่องจักรแบบเรียลไทม์ถึง 4 ด้าน ได้แก่ การสั่นสะเทือน (Vibration), อุณหภูมิ (Temperature), กระแสไฟฟ้า (Electric Current), และเสียง (Acoustic) ข้อมูลทั้งหมดนี้จะถูกส่งผ่านช่องทางที่ประหยัดพลังงานอย่าง LoRa หรือ Wi-Fi ไปยัง Dashboard ส่วนกลาง 

พลังของ Deep Tech: AI ประมวลผลแบบ Edge Computing 

สิ่งที่ทำให้ Merlinium IoT เหนือกว่าระบบทั่วไปคือการผสาน Deep Tech เข้ามาในผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้ ระบบ AI ประมวลผลในตัวเอง (Edge AI) ณ ตัวเซนเซอร์ ทำให้สามารถวิเคราะห์และแจ้งเตือนความผิดปกติได้ทันทีโดยไม่ต้องรอส่งข้อมูลทั้งหมดไปประมวลผลบนคลาวด์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการซ่อมบำรุงเชิงคาดการณ์ที่มีประสิทธิภาพ 

 

คุณสมบัติ Deep Tech ที่น่าสนใจของ Merlinium IoT: 

ติดตั้งง่าย ใช้งานได้ทันที (Plug and Play): ออกแบบให้สามารถติดตั้งกับเครื่องจักรได้โดยไม่ยุ่งยาก 

Power Core ประสิทธิภาพสูง: มีระบบจัดการพลังงานที่ทำให้เซนเซอร์สามารถทำงานได้ยาวนานด้วยการใช้พลังงานต่ำ 

 

การแจ้งเตือนอัตโนมัติ: เมื่อค่าพารามิเตอร์ที่ตรวจจับได้มีความผิดปกติจากค่าปกติที่เคยเรียนรู้มา ระบบจะแจ้งเตือนไปยังผู้ดูแลทันที 

Dashboard อัจฉริยะ: สามารถเก็บสถิติและดูข้อมูลย้อนหลัง ช่วยให้ผู้บริหารและวิศวกรวางแผนการบำรุงรักษาได้อย่างแม่นยำ 

 

ด้วยการทำงานเช่นนี้ Merlinium IoT จึงช่วยให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนจากการซ่อมบำรุงเมื่อเครื่องจักรเสีย (Reactive Maintenance) หรือการซ่อมบำรุงตามกำหนดเวลา (Preventive Maintenance) ที่อาจจะเร็วไปหรือช้าไป สู่การซ่อมบำรุงที่ “ถูกเวลาที่สุด” ทำให้สามารถลด Downtime ได้อย่างชัดเจน และบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

 

NIA สนับสนุนการเติบโต: ก้าวสู่เวทีระดับโลก 

บริษัท เมอร์ลิเนียม จำกัด กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง โดยเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการ Startup Thailand DeepTech 2025 ที่จัดโดย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) โครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพสตาร์ทอัพ Deep Tech ให้สามารถขยายธุรกิจได้อย่างก้าวกระโดด 

การเข้าร่วมโครงการของ NIA เปิดโอกาสให้ Merlinium ได้รับการให้คำปรึกษาและคำแนะนำแนวทางการดำเนินงานจากผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูง รวมถึงโอกาสในการ จับคู่ธุรกิจ (Business Matching) กับกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เพื่อ ทดสอบการใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการ กับปัญหาจริง (Problem-based learning) ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ตลาดภาคธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์ และเร่งให้ Merlinium สามารถสร้างรายได้และขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว 

ปัจจุบัน เมอร์ลิเนียม อยู่ในระยะ Seed Stage การสนับสนุนจาก NIA ในครั้งนี้ จึงเป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะช่วยให้ Merlinium IoT ซึ่งเป็นผลงานที่พัฒนาขึ้นโดยทีมงานคนไทย สามารถสร้างความแข็งแกร่งและเตรียมพร้อมเพื่อแข่งขันในเวทีอุตสาหกรรมระดับภูมิภาคและระดับโลกต่อไป 

white tiger peanut milk-01

White Tiger King: GI แม่ฮ่องสอน นวัตกรรม Plant-Based เพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม พร้อมทะยานสู่ตลาดโลก 

White Tiger King: GI แม่ฮ่องสอน 

นวัตกรรม Plant-Based เพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม 

พร้อมทะยานสู่ตลาดโลก 

ในยุคที่ผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น White Tiger King ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นที่น่าจับตาในตลาด Plant-Based Protein ด้วยผลิตภัณฑ์ชูโรงอย่าง “นมถั่วลายเสือ (White Tiger Peanuts Milk)” ที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ผู้ที่แพ้แลคโตสและคนรักสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับ “ถั่วลายเสือ GI แม่ฮ่องสอน” ซึ่งเป็นผลผลิตท้องถิ่นของไทยให้มีมูลค่าและเป็นที่รู้จักในระดับสากลอีกด้วย 
 
นวัตกรรมเพื่อสุขภาพที่มากกว่าแค่ “นมถั่ว” 

นมถั่วลายเสือจากบริษัท ไวท์ ไทเกอร์ คิง จำกัด ถูกพัฒนาขึ้นด้วย เทคโนโลยีเชิงลึก (DeepTech) ในกระบวนการสกัดที่ทำให้สามารถ คงคุณค่าสารอาหาร และ โปรตีนสูง ของถั่วลายเสือไว้ได้อย่างครบถ้วน ทำให้เป็นนมโปรตีนทางเลือกจากพืชที่มีกรดอะมิโนครบถ้วน รสชาตินุ่มละมุน ดื่มง่าย และที่สำคัญคือ ปราศจากสารกันเสีย เหมาะสำหรับทุกคนที่มองหาเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพและต้องการหลีกเลี่ยงนมวัว 

จุดเด่นสำคัญของผลิตภัณฑ์นี้คือการใช้ วัตถุดิบ GI (Geographical Indication) อย่าง “ถั่วลายเสือแม่ฮ่องสอน” ซึ่งเป็นการสนับสนุนเกษตรกรในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน และเป็นการตอกย้ำถึงคุณภาพที่ได้รับการรับรองทางภูมิศาสตร์ นอกจากนี้ White Tiger King ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยใช้ บรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย ย่อยสลายได้หรือรีไซเคิลได้ เพื่อลดผลกระทบต่อโลก 

ตัวเร่งให้สตาร์ทอัพเติบโตอย่างก้าวกระโดด 

การเข้าร่วมโครงการ Startup Thailand DeepTech 2025 ที่จัดโดย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ White Tiger King สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและรวดเร็ว โครงการนี้มีเป้าหมายหลักในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึกให้สามารถสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมได้อย่างแท้จริง 

White Tiger King ได้ใช้โอกาสจากกิจกรรมต่างๆ ในโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการ คิดวิเคราะห์จากปัญหาจริง (Problem-based learning), การรับคำปรึกษาและคำแนะนำแนวทางการดำเนินงานจาก ผู้ทรงคุณวุฒิ รวมถึงการเข้าร่วม กิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) และ กิจกรรมทดสอบการใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการ กับกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมเป้าหมาย สิ่งเหล่านี้ช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถนำองค์ความรู้และข้อเสนอแนะไป ประยุกต์ใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ ให้มีความพร้อมในการแข่งขันในเวทีระดับภูมิภาคและระดับโลกได้อย่างแท้จริง 

ด้วยนวัตกรรมที่ยกระดับผลผลิตท้องถิ่นผสานกับความมุ่งมั่นด้านสุขภาพและความยั่งยืน White Tiger King จึงไม่เป็นเพียงแค่สตาร์ทอัพที่ผลิตนมทางเลือก แต่เป็นผู้สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับเกษตรกรไทยและเป็นตัวอย่างของการใช้ DeepTech เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพระดับสากล 

White Tiger Peanuts Milk จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคทั่วโลกที่มองหาโปรตีนจากพืชที่ดีต่อร่างกายและสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมแล้วที่จะก้าวจากท้องถิ่นสู่เวทีโลกภายใต้การสนับสนุนของ NIA และโครงการ Startup Thailand DeepTech.