1680X726

GOVERNMENT SUPPORT

GOVERNMENT SUPPORT

Open Innovation

นวัตกรรมแบบเปิด (Open Innovation) เป็นหนึ่งในกลไลการให้เงินทุนสนับสนุนเพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างนวัตกรรมตลอดห่วงโซ่มูลค่าอย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยยกระดับห่วงโซ่อุปทานเดิมที่มีศักยภาพ (First S-curve) และชักนำไปสู่การสร้างห่วงโซ่มูลค่าใหม่ที่เป็นอุตสาหกรรมอนาคต (New S-curve) ของประเทศอย่างมีนัยสำคัญทั้งกลุ่มธุรกิจนวัตกรรม (Smart SMEs) และวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ซึ่งเป็นไปตามกลุ่มสาขาเศรษฐกิจดังนี้ ได้แก่ สาขาเศรษฐกิจชีวภาพ สาขาเศรษฐกิจการผลิตและการหมุนเวียน และสาขาเศรษฐกิจบริการและการแบ่งปัน

Link

Thematic Innovation

โครงการที่มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศและยกระดับความสามารถทางนวัตกรรมในระดับอุตสาหกรรมและการเกษตร นำไปสู่การปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ผ่านการแสวงหาโจทย์ปัญหาที่แท้จริงร่วมกันของภาคเอกชน ภาคสังคม และภาควิชาการ เพื่อดำเนินโครงการนวัตกรรมต้นแบบสำหรับแก้ปัญหาและยกระดับการพัฒนาประเทศให้ก้าวไปสู่ประเทศฐานนวัตกรรม

Link

MIND CREDIT

กลไกสนับสนุนด้านการเสริมสร้างศักยภาพด้านนวัตกรรม” (Managing Innovation Development Credit) หรือ “MIND CREDIT” เป็นการสนับสนุนรูปแบบใหม่ของสํานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) สำหรับผู้ประกอบการไทย ให้สามารถเข้าถึงและใช้บริการจากบริษัทที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาหรือขยายผลธุรกิจนวัตกรรม เพื่อยกระดับผู้ประกอบการไทยให้พร้อมในการแข่งขัน และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การสร้างให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจจากฐานนวัตกรรมของประเทศ

ผู้ที่ประสงค์จะขอรับทุนภายใต้กลไก MIND CREDIT จะต้องส่งข้อเสนอโครงการต่อสนช. เพื่อพิจารณาอนุมัติ และบริษัทที่ปรึกษาที่ผู้ขอรับทุนจะใช้บริการจะต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ คัดเลือกและขึ้นทะเบียนโดยสนช. ตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษากลไก MIND CREDIT ที่สนช. กำหนด โดยสนช. จะให้การสนับสนุนในลักษณะของเงินให้เปล่า (grant) ในรูปแบบทุนสนับสนุนค่าบริการที่ปรึกษาสูงสุด 1,000,000 บาท/โครงการ และคิดเป็นมูลค่าไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าโครงการ(มูลค่าโครงการ คือ คำนวณจากประมาณการค่าที่ปรึกษา/บริการตามใบเสนอราคาจากบริษัทที่ปรึกษาซึ่งเป็นมูลค่าก่อนภาษีมูลค่าเพิ่ม)) ระยะเวลาการดำเนินโครงการไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่ผู้ขอรับทุนทำสัญญารับทุนอุดหนุนโครงการนวัตกรรมกับ สนช.

Link

SPARK

SPARK เป็นโครงการบ่มเพาะและเร่งสร้างวิสาหกิจเริ่มต้น “Global Accelerator Program” ที่เกิดจากความร่วมมือของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) และ เอจีดับเบิลยูกรุ๊ป (AGW Group) กลุ่มนักลงทุนจากประเทศอิสราเอลที่มีประสบการณ์ในการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญต่างชาติในหลายสาขา เช่น นักกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญา ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงด้านไซเบอร์ นักลงทุนในบริษัทกองทุนร่วมทุน ฯลฯ ซึ่งจะร่วมเป็นวิทยากรและเป็นที่ปรึกษาแบบตัวต่อตัวให้แก่สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมการฝึกอบรม โดยตั้งเป้าพัฒนา Startup ไทยให้สามารถก้าวสู่ระดับโลก

Link

AG Growth

โครงการเร่งสร้างสตาร์ทอัพด้านการเกษตรในระดับนานาชาติ (Global AgTech Acceleration Program) หรือ AGrowth โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งสร้างสตาร์ทอัพด้านการเกษตรให้มีความพร้อมและศักยภาพในเชิงพาณิชย์ สามารถขยายผลธุรกิจในประเทศไทย และเติบโตในตลาดระดับสากลได้ ตลอดจนพัฒนาระบบนิเวศและสนับสนุนให้เกิดสตาร์ทอัพด้านการเกษตร ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเชื่อมโยงให้สตาร์ทอัพด้านการเกษตรจากนานาประเทศได้เข้าถึงระบบนิเวศของสตาร์ทอัพไทย รวมถึงจะเป็นตัวเร่งในการสร้างสรรค์สตาร์ทอัพด้านการเกษตรรุ่นใหม่ในประเทศไทยให้มีความหลากหลายและเพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น

Link

SPACE F

โครงการบ่มเพาะและเร่งรัดการเติบโตทางธุรกิจด้านเทคโนโลยีอาหาร (SPACE-F) เป็นโครงการที่เกิดขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อต่อยอดการบ่มเพาะและพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้นให้เจาะจงมากขึ้นในด้านเทคโนโลยีอาหาร (FoodTech Startup) ตลอดจนเร่งรัดการเติบโตทางธุรกิจสู่ตลาดเอเชีย รวมทั้งยังเป็นแพลตฟอร์มกลาง (Platform) ที่ช่วยเชื่อมโยงวิสาหกิจเริ่มต้นด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรมอาหารเข้ากับผู้เล่นที่สำคัญในระบบนิเวศ เช่น องค์กรภาครัฐ (Government agency) บริษัทขนาดใหญ่ (Big corporate) นักลงทุน (Investor) และสถาบันการศึกษา (Academic institute) อันจะนำไปสู่การเพิ่มโอกาสในการเติบโตของวิสาหกิจเริ่มต้น ทั้งในแง่ของปริมาณ (Quantity) ความหลากหลาย (Variety) และคุณภาพ (Quality) ทั้งยังช่วยสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารอีกด้วย

Link

YOUTH STARTUP FUND

กองทุนยุวสตาร์พอัพ (Youth Startup Fund) เกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนเยาวชนให้พัฒนาไปสู่การเป็นผู้ประกอบการสตาร์ทอัพและผลักดันมหาวิทยาลับไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งการประกอบการ (Entrepreneurial University) ตามนโยบายของ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม การดำเนินกองทุนยุวสตาร์ทอัพ (Youth Startup Fund) จะมีรายละเอียดการดำเนินงานแบ่งออกเป็น 2 กิจกรรมหลัก คือ 1. โครงการ Startup Thailand League เป็นการพัฒนา บ่มเพาะ การประกวดแข่งขันการนำเสนอแผนธุรกิจของนักศึกษาระดับประเทศ และการสร้างเครือข่ายพันธมิตรร่วมกับกลุ่มเป้าหมาย และ 2. โครงการ Pre-seed Funding ซึ่งเป็นการสนับสนุนเงินทุนสำหรับต่อยอดธุรกิจจริง ในรูปแบบเงินอุดหนุนสมทบบางส่วนแบบให้เปล่า (90/10) แก่นิสิต และนักศึกษา ที่ศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ปริญาโท และปริญญาเอก และ/หรือเป็นบัณฑิตที่จบใหม่ไม่เกิน 5 ปี โดยมีเงินทุนสนับสนุนมูลค่าตั้งแต่ 500,000-1,500,000 บาท เพื่อนำไปซื้อบริการด้านการทดสอบจากห้องวิจัยของมหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิจัยทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาต้นแบบซึ่งเป็นการพิสูจน์ความคิดใหม่ ทั้งด้านเทคโนโลยีและด้านธุรกิจ (Prove of Concept Idea, POC) และเพื่อช่วยเหลือและให้คำปรึกษาในการพัฒนาต้นแบบ ซึ่งเป็นการให้ทุนเพื่อดำเนินการพัฒนา POC ผ่าน Incubator ที่ได้รับการรับรอง (Certified Incubator) จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Link

International Innovation Matching Program for Innovation-Driven Enterprises (IIM – IDE)

โครงการ “International Innovation Matching Program for Innovation-Driven Enterprises (IIM – IDE)” เกิดจากความร่วมมือระหว่างสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) โดยฝ่ายนวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจ และบริษัท SPHERE8 เพื่อต่อยอดให้องค์กรธุรกิจนวัตกรรมที่สนใจแสวงหาหุ้นส่วนกลยุทธ์กับอิสราเอล โครงการเน้นไปที่การพัฒนาโครงการนวัตกรรมร่วมกันในระยะต้นแบบ (Prototype) โครงการนำร่อง (Pilot Project) ไปจนถึงระยะพร้อมออกสู่ตลาดหรือขยายผลเชิงพาณิชย์ (Commercialization) โดยกิจกรรมในโครงการนี้ดำเนินเป็นภาษาอังกฤษ

Link

Digital Startup Fund

depa-Fund เป็นเงินทุนโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเร่งรัดการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลโดยรวมของประเทศ โดยมีขอบเขตการให้การสนับสนุนหลากหลากหลายด้าน เช่น ผู้ที่ต้องการจัดตั้งธุรกิจดิจิทัลเพื่อเติบโตเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ (Digital Startup) การพัฒนาทักษะหลากหลายระดับเพื่อเป็นบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล (Digital Manpower) การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อต่อยอดเชิงพาณิชย์ (Digital Research Development and Innovation) การทำกิจกรรมเพื่อขยายโอกาสการตลาด (Digital Event and Marketing) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับสินค้า บริการ และมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ (Digital Tranformation) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มรายได้ของชุมชน (Digital Transformation for Community) หรือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ (Digital Infrastructure) เป็นต้น

Link

Research Gap Fund

Research Gap Fund เป็นกิจกรรมการสนับสนุนเพื่อเร่งการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรมรายใหม่สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาต่อยอดงานวิจัยองค์ความรู้และเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของรัฐ ให้ตอบสนองความต้องการของตลาดและพร้อมสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ทั้งยังสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมในช่วงการวิจัยต่อยอดผลงานที่มีต้นแบบ หรือมีความพร้อมสำหรับการขยายผลไปสู่ผลิตภัณฑ์หรือบริการในระดับอุตสาหกรรม

Link

โครงการเร่งการเติบโตสตาร์ทอัพด้วย Startup Voucher

อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (TSP) ได้จัดทำโครงการเร่งการเติบโตสตาร์ทอัพด้วย Startup Voucher เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการดำเนินธุรกิจให้ผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ เพื่อพัฒนาความคิดและการต่อยอดนวัตกรรมและอัพเดตเทคโนโลยีใหม่ๆให้เกิดผลทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสินเชื่อที่เหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจ และเชื่อมโยงเครือข่ายวิสาหกิจนวัตกรรมในภูมิภาคในการสร้างพันธมิตรเพื่อการดำเนินงานและขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยมีทุนสนับสนุนสูงสุด 800,000 บาท

Link

UOB Fin Lab

เดอะฟินแล็บ (The FinLab) และธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ดำเนินโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทค (FinTech) และบริษัทเทคโนโลยีให้สามารถพัฒนาและเติบโตได้ในยุคดิจิทัลตั้งแต่เริ่มจัดตั้งในปี 2558 เดอะ ฟินแล็บ (The FinLab) มีเครือข่ายที่เข้มแข็งทั้งด้านเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านโมเดลทางธุรกิจโดยการใช้ข้อมูลเชิงลึกในภูมิภาคอาเซียนเพื่อช่วยเหลือให้บริษัทในโปรแกรมของเราได้วางแผนการขยายตัวทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Link

สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง ธนาคารออมสิน

TED Fund ร่วมกับ สนช. และออมสิน ประกาศมาตรการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องแก่ Startup ที่อยู่ระหว่างการรับทุนดำเนินธุรกิจ ในสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) ร่วมกับ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) และธนาคารออมสิน ในการออกสินเชื่อสำหรับเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการที่อยู่ระหว่างการรับทุนของสนช. และ TED Fund เพื่อเป็นมาตรการบรรเทาสภาวะทางการเงินเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 วงเงินกู้สูงสุด 1.5 ล้านบาท ในโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ประเภทเงินกู้ระยะสั้น โดยกำหนดระยะเวลาเงินกู้ตามสัญญาที่ TED Fund หรือ สนช. ให้ทุน ทั้งนี้ไม่เกิน 2 ปี โดยทบทวนวงเงินทุกปี ในอัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี ในปีที่ 1-2 และปีที่ 3 เป็นต้นไป เป็นไปตามประกาศธนาคาร

Link

มาตรการช่วยเหลือ โควิด 19

มาตรการเยียวยาสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี และวิสาหกิจเพื่อสังคม เพื่อเตรียมพร้อมช่วยเหลือและฟื้นฟูสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี และวิสาหกิจเพื่อสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ผ่านการสนับสนุนทางด้านการเงิน การลงทุน การตลาด เครือข่าย รวมถึงการส่งเสริมองค์ความรู้เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้สามารถก้าวต่อไป

โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่

1) การสนับสนุนด้านเงินทุนให้เปล่าผ่านมีกลไกหลักของสำนักงาน เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยเบื้องต้นได้สนับสนุนทุนนวัตกรรมไปแล้วกว่า 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่าเงินอุดหนุนรวม 39.8 ล้านบาท และยังได้เตรียมงบอุดหนุนแบบให้เปล่าไว้สำหรับช่วงหลังวิกฤตโควิด – 19 อีกกว่า 70 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนวิสาหกิจฐานนวัตกรรมทั้งมิติเศรษฐกิจ และสังคม นอกจากนี้ ยังได้หารือกับสถาบันการเงินหลายแห่ง เช่น ธ.ออมสิน ธ.ไทยพาณิชย์ ฯลฯ เพื่ออนุมัติเงินกู้เงื่อนไขพิเศษสำหรับสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิด 19

2) การสร้างตลาดใหม่และส่งเสริมการเติบโต ด้วยการสร้างโอกาสเข้าถึงตลาดภาครัฐได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น ผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการจัดซื้อจัดจ้างของตลาดภาครัฐสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ GPT และ แพลตฟอร์ม “YMID Portal” เป็นต้น ซึ่งในช่วงวิกฤตไวรัสโควิด-19 นี้ก็ได้สร้างโอกาสให้สตาร์ทอัพที่มีผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาดังกล่าวกว่า 12 ราย ได้เข้าไปร่วมทำงานจริงกับเครือข่ายโรงพยาบาลกว่า 9 แห่ง ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและสามารถขยายโอกาสต่อไปในภาครัฐอื่นได้ นอกจากนี้ NIA ยังเตรียมเปิดพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้สตาร์ทอัพมาโปรโมทนวัตกรรมดีๆ ผ่านช่องทางเพจ Startup Thailand ซึ่งคาดว่าจะพร้อมให้บริการได้ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ สำหรับสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพและต้องการก้าวสู่ระดับประเทศหรือระดับนานาชาติมากขึ้น NIA ก็มีเครือข่ายกับบริษัทขนาดใหญ่ เช่น เครือซีพี ไทยยูเนี่ยน สยามคูโบต้า ช.การช่าง ฯลฯ ที่พร้อมจะร่วมลงทุนและผลักดันให้สตาร์ทอัพนั้นได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดต่อไป

3) การส่งเสริมความรู้และการพัฒนาสตาร์ทอัพ ซึ่งที่ผ่านมีการจัดหลักสูตรอย่างต่อเนื่องทั้งระดับเยาวชน และสตาร์ทอัพทั่วไป และขณะนี้ได้มีการพัฒนาเข้าสู่ระบบออนไลน์มากขึ้นผ่านสถาบันวิทยาการนวัตกรรม โดยภายในเดือนพฤษภาคมนี้จะมีมากกว่า 10 หลักสูตร และโครงการ Startup Thailand League ที่เน้นไปยังกลุ่มนักศึกษาที่มีความสนใจจะเป็นสตาร์ทอัพ ซึ่งมีเข้าร่วมกว่า 2000 ราย

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่ามีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ ธนาคาร และเอกชน ได้เริ่มสนับสนุนสตาร์ทอัพและวิสาหกกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาศ เช่น กระทรวงการคลัง NSTDA DEPA ธนาคารออมสิน ธนาคารไทยพาณิชย์ และ Innospace เป็นต้น

1680X726

THAILAND STARTUP ECOSYSTEM REPORT 2021

THAILAND STARTUP ECOSYSTEM REPORT 2021

“รายงานการพัฒนาระบบนิเวศวิสาหกิจเริ่มต้นประเทศไทย ประจำปี 2564” รายงานฉบับที่ 4 ของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ที่ได้จัดทำต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ปี 2557 โดยได้รับความร่วมมือจากประชาคมกว่า 300 ราย ทั้งกลุ่มสตาร์ทอัพไทยและต่างชาติ นักลงทุน ภาคการศึกษา ภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่นำเสนอข้อมูลภาพรวมภูมิทัศน์ของระบบนิเวศสตาร์ทอัพในปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ ให้มีความสามารถในการประกอบธุรกิจรวมถึงแข่งขันกับคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีระบบนิเวศสตาร์ทอัพ (Startup Ecosystem) ที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจมากขึ้น
1680X726

WHITE PAPER

WHITE PAPER

รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางในการเสนอนโยบายเกี่ยวกับวิสาหกิจเริ่มต้นแก่ประเทศไทย โดยในรายงานฉบับนี้ได้รวบรวมความคิดเห็นจากสมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จากผู้ประกอบธุรกิจวิสาหกิจเริ่มต้นในประเทศไทย (สตาร์ทอัพ) จากบริษัทที่ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) ทั้งในและต่างประเทศในประเด็นว่าเป้าหมายของประเทศไทยในการพัฒนาระบบนิเวศวิสาหกิจเริ่มต้นนั้นควรเป็นอย่างไรและต้องการให้ภาครัฐส่งเสริมและสนับสนุนในประเด็นใดบ้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว

Downlaod White-Paper 

1680X726

POLICY & STATEGY

WHITE PAPER

รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางในการเสนอนโยบายเกี่ยวกับวิสาหกิจเริ่มต้นแก่ประเทศไทย โดยในรายงานฉบับนี้ได้รวบรวมความคิดเห็นจากสมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จากผู้ประกอบธุรกิจวิสาหกิจเริ่มต้นในประเทศไทย (สตาร์ทอัพ) จากบริษัทที่ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital) ทั้งในและต่างประเทศในประเด็นว่าเป้าหมายของประเทศไทยในการพัฒนาระบบนิเวศวิสาหกิจเริ่มต้นนั้นควรเป็นอย่างไรและต้องการให้ภาครัฐส่งเสริมและสนับสนุนในประเด็นใดบ้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว

Downlaod White-Paper 

1680X726

ORGANIZATION

ABOUT US

Startup Thailand เป็นหน่วยงานระดับประเทศที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) และระบบนิเวศของวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup Ecosystem) ตามนโยบายของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ (National Startup Committee: NSC) โดยมีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาวิสาหกิจเริ่มต้นให้ใช้ทรัพยากรของประเทศในการผลิตสินค้าและบริการ มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม การจ้างงานในท้องถิ่น และการกระจายรายได้สู่ภูมิภาค รวมทั้งก่อให้เกิดอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนประเทศ

คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติเกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องการปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจของประเทศด้วยการพัฒนา “วิสาหกิจเริ่มต้น” ให้เป็นนักรบทางเศรษฐกิจใหม่ (New Economic Warrior: NEW) และกำหนดให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่เปิดสำหรับการเติบโตของอาเซียน โดยได้กำหนดแนวทางส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นของไทย ดังนี้

1.พื้นที่เปิดสำหรับผู้ที่มีทักษะสูงจากทั่วโลก (Open for Talent) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจเริ่มต้นของไทยให้สามารถเติบโตสู่ตลาดโลกได้ ประเทศไทยจำเป็นต้องดึงดูดและพัฒนาบุคลากรที่มีประสบการณ์ ความสามารถ และเข้าใจการพัฒนาธุรกิจในระดับโลก

2.พื้นที่เปิดสำหรับการเร่งการเติบโตของวิสาหกิจเริ่มต้น (Open for Business Growth) การพัฒนาธุรกิจของวิสาหกิจเริ่มต้นเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการควบคู่กับการพัฒนารูปแบบธุรกิจนวัตกรรม ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurial) ตั้งแต่ระดับมหาวิทยาลัยและวิสาหกิจเริ่มต้นทั่วไป ตลอดจนดำเนินการเร่งสร้างและวิสาหกิจเริ่มต้น (Acceleration Program) อย่างเป็นระบบ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจเริ่มต้นให้พร้อมก้าวสู่เวทีการระดมทุนจากนานาชาติ สามารถขยายฐานกิจการไปยังต่างประเทศได้

3.พื้นที่เปิดสำหรับการลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น (Open for Investment) ทุกช่วงระยะเวลาการเติบโตของวิสาหกิจเริ่มต้นจำเป็นต้องระดมทุนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมตลอดจนขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ซึ่งแต่ละช่วงมีความต้องการเงินทุนแตกต่างกัน ดังนั้นประเทศไทยต้องพัฒนาสิทธิประโยชน์ต่างๆเพื่อนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ นักลงทุนบุคคล บริษัทลงทุนร่วมเสี่ยงทั้งในลักษณะกองทุน และองค์กร ตลอดจนการระดมทุนสาธารณะ อีกทั้งพัฒนานวัตกรรมการเงิน (Financing Innovation) เพื่อสนับสนุนการเติบโตของวิสาหกิจเริ่มต้นของประเทศไทยสู่ตลาดโลก

4.พื้นที่เปิดสำหรับการพัฒนาระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของวิสาหกิจเริ่มต้น (Open for Ecosystem) เพื่อการพัฒนาระบบนิเวศวิสาหกิจเริ่มต้นอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ประเทศไทยต้องดำเนินยุทธศาสตร์ การพัฒนา “เศรษฐกิจนวัตกรรมเชิงพื้นที่” โดยมีการวางแผนและออกแบบพื้นที่และสังคมเมือง เพื่อพัฒนาเมืองหรือย่านให้เป็นกลุ่มคลัสเตอร์ของผู้ประกอบธุรกิจนวัตกรรมและวิสาหกิจเริ่มต้นหรือเรียกว่า ย่านนวัตกรรม (Innovation District) โดยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เครื่องมือ และกลไกที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัยและผู้ดำเนินกิจกรรมในย่าน เพื่อเชื่อมต่อประชาคม รวมถึงมีกลไกที่ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม สร้างสรรค์สิ่งใหม่ร่วมกัน มีกิจกรรมแบ่งปันความรู้แก่กันของวิสาหกิจเริ่มต้น ชุมชน ธุรกิจ และหน่วยงานในพื้นที่ เร่งดำเนินการให้มีสิทธิประโยชน์เพื่อสนับสนุนภาคส่วนต่างๆในระบบนิเวศของวิสาหกิจเริ่มต้น

1680X726

SITE 2021

SITE 2021​

ปีนี้เตรียมพบกับ ‘DeepTech’ เทคโนโลยีเชิงลึกที่เข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงพลิกโฉมประเทศไทย ที่ทุกภาคส่วนกำลังจับตามอง

NIA เดินหน้าต่อยอดงาน Startup x Innovation Thailand Expo 2021 หรืองาน ‘SITE 2021’ ภายใต้แนวคิดการเปล่งประกายแห่งเทคโนโลยีเชิงลึก ‘DeepTech Rising’…The Next Frontier of Innovation

เจาะลึก 5 เทคโนโลยีเชิงลึกที่เข้ามายกระดับความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ได้แก่

1. ด้านเกษตร (AgTech)
2. ด้านอาหาร (FoodTech)
3. ด้านการแพทย์ (MedTech)
4. ด้านอวกาศ (SpaceTech)
5. ด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือนสําหรับบุคคล (AI Robotic Immersive IoT: ARI Tech)

15 – 18 กันยายน 2564 นี้ จัดขึ้นในรูปแบบ Virtual Event

โปรดติดตามรายละเอียดงานเพิ่มเติมได้เร็วๆ นี้

SITE22- Banner & FB Cover

SITE 2022

SITE 2022

งาน STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2022 (SITE 2022) ในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Reconnecting the World เชื่อมเรา เชื่อมโลก กลับมาเจอกัน” แม้ว่าทุกประเทศทั่วโลกกำลังอยู่ในสถานการณ์แพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ตาม แต่ทุกประเทศไม่สามารถที่จะหยุดเดินหน้าต่อไปได้

ดังนั้น ประเทศไทยจึงต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดเมืองหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง ซึ่งการเปิดเมืองจะเป็นการเชื่อมโลกและประเทศไทยกลับมาด้วยกัน เพื่อให้ทั่วโลกรับรู้ว่า ประเทศไทยมีเมืองนวัตกรรม (Innovation City) ซึ่งมีจุดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ และพร้อมที่จะเชื่อมต่อกับเมืองนวัตกรรมจากทั่วโลกเพื่อฟื้นฟูให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกันได้ต่อไป

งาน SITE 2022 จัดขึ้นในรูปแบบผสมผสานที่สามารถเข้าร่วมงานได้ทั้งทางออนไลน์ในรูปแบบจักรวาลนฤมิต (Metaverse) และทางออฟไลน์โดยสามารถเข้ามาร่วมงานจริงได้ที่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ในวันที่ 23-25 มิถุนายน 2565 ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก 4 ด้าน ได้แก่ FORUM, OPPORTUNITY, SHOW, AWARD

  • Metaverse Experience : มิติใหม่ของการจัดงานรูปแบบจักรวาลนฤมิตที่รวบรวมหลากหลายกิจกรรมครั้งแรกของประเทศไทย เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเข้าร่วมงานผ่านอวาตาร์ (Avatar) ที่จะเป็นตัวแทนของแต่ละคนในการเข้าร่วมงานในโลกจักรวาลนฤมิต
  • Avatar Real-time Connection : มิติใหม่ของการติดต่อเชื่อมโยงกับประชาคมสตาร์ทอัพและนวัตกรรมของไทย สร้างเครือข่ายกับหน่วยงานทุกภาคส่วนและวิทยากรชั้นนำจากทั่วโลกที่เข้าร่วมงาน ผ่านอวาตาร์ของแต่ละคนได้แบบทันที
  • Real Opportunity : มิติใหม่ของการสร้างโอกาสสำคัญในการหาพันธมิตรทางธุรกิจในแวดวงสตาร์ทอัพและนวัตกรรม ผ่าน Metaverse Marketplace และการให้คำปรึกษาทางธุรกิจสำหรับผู้สนใจเป็นวิสาหกิจเริ่มต้นและสร้างธุรกิจนวัตกรรม

ดูรายละเอียดงานเพิ่มเติมได้ที่ https://site.nia.or.th

และลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมงานได้ทางเพจ https://site.nia.or.th/register/

Green Passive Income Ideas YouTube Thumbnail - 30

AIYA แชตบอท เพื่อ SMEs – ค้าออนไลน์ พันธมิตรระดับโลก

AIYA แชตบอท เพื่อ SMEs – ค้าออนไลน์ พันธมิตรระดับโลก

AIYA (ไอย่า) สตาร์ตอัพ สร้าง ‘แชทบอท’ เพื่อนคู่กายร้านค้าออนไลน์
ชี้จุดเด่น เป็น MarTech บริหารจัดการลูกค้าให้ประสิทธิภาพสูง ถามตอบทันที 24 ชั่วโมง ช่วยขาย-ขยายตลาด สร้างการรับรู้ ครบจบที่เดียว
มีสเกลที่รองรับคนได้หลักล้าน แค่ผู้ใช้เรียนรู้ใช้เครื่องมือ ก็ตอบสนองงานขายได้อย่างคล่องตัว

ในยุคที่เรามี AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาเป็นตัวช่วย ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI ค่อยๆ เข้ามาแทนที่คนจริงๆ ชัดเจนที่ งานค้าขายออนไลน์ งานซึ่งมีการบริการไม่ได้จำกัดแค่ 8 ชั่วโมงทำงาน แต่คือให้บริการเต็ม 24 ชั่วโมงไปแล้ว นั่นจึงเป็นที่มาให้ร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่ เลือกใช้ ‘แชทบอท’ (Chatbot) เพื่อมาเป็นตัวช่วยหลายสิ่งอย่าง โดยเฉพาะการตอบบางคำถาม ที่สามารถป้อนข้อมูลไว้ได้ เนื่องจากบางคน อาจต้องการทราบ แค่ราคา หรือบางคนอาจต้องการรู้ว่าใช้ยังไง ซึ่งถ้าเป็นประสิทธิภาพเชิงลึก ก็อาจป้อนข้อมูล AI ว่าจะเร่งให้ข้อมูล เพิ่มเติมในภายหลัง หรือไม่เกินกี่ชั่วโมง เป็นต้น โดยเราในฐานะลูกค้า อาจเห็นแค่การถามตอบ แต่ถ้าเมื่อไหร่เราสวมบทบาทเข้าไปเป็นคนค้าออนไลน์ และใช้โปรแกรมแชทบอทนี้บ้าง เราจะเห็น ‘ความสะดวก’ ที่ช่วยให้ทุกๆ ขั้นตอนของการค้าขาย หรือการติดต่อสื่อสารระหว่างองค์กรกับลูกค้า เป็นไปได้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ 

เห็นได้จาก แพลตฟอร์ม AIYA (ไอย่า) ซึ่งประกาศตัว ว่าเป็น “A.I. เพื่อธุรกิจของคุณ #1 อัจฉริยะ ทำงานไว

ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ ที่ต้องการลดคน จัดเก็บข้อมูลเป็นระบบ บริหารลูกค้าออนไลน์ได้จากหลายช่องทาง Social Commerce” ชู 3 จุดเด่น ในการเป็น ผู้ช่วยดูแลลูกค้าให้คุณมีเวลาว่างมากขึ้น เพื่อช่วยบริหารจัดการธุรกิจออนไลน์ได้อย่างยั่งยืน จากการที่ AIYA มีเทคโนโลยีล้ำสมัย มีความเสถียรและยืดหยุ่น และรวมถึง การบริการลูกค้าอย่างดีที่สุด

อัจฉริยะ ดาโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีจีเนียส จำกัด (Mergenius) และผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพ AIYA เผย AIYA เป็นสตาร์ตอัพ ให้บริการซอฟต์แวร์ ที่เป็น ‘ระบบจัดการเกี่ยวกับข้อมูลของลูกค้าด้วยระบบอัตโนมัติที่ใช้งานด้วยแชตบอต’ หรือเรียกสั้นๆ ว่า เป็นแพลตฟอร์มแชทบอต (AI Chatbot) สำหรับร้านค้าออนไลน์ที่มีฐานลูกค้าในเฟซบุ๊ก (Facebook) และไลน์ (Line) รวมถึงกลุ่มลูกค้าองค์กร AIYA จึงเปรียบเสมือนเพื่อนคู่กายร้านค้าออนไลน์ ทำให้สามารถจัดการบริหารลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง และดูแลลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยทันทีที่มีลูกค้าทักแชทเข้ามาจะมีระบบอัตโนมัติ ตอบลูกค้าทันที ซึ่งระบบตัวนี้ สามารถสอนได้ทุกภาษา ทำงานได้ 24 ชั่วโมง มีสเกลที่รองรับคนได้หลักล้านคน ผู้ใช้แค่พัฒนาเรียนรู้เรื่องการใช้เครื่องมือเท่านั้น

ทั้งนี้ ถ้าจะรู้จักว่า AIYA ทำหน้าที่อะไรบ้าง? ก็กล่าวได้ว่า AIYA เป็นผู้ช่วยธุรกิจ ที่เปรียบเสมือนการมีเครื่องมือ โปรแกรมบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management : CRM) หรือคือ การมีทีมนักขายของบริษัทไว้ดูแลลูกค้า เป็นกลยุทธ์การบริหารจัดการความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับลูกค้าแบบหนึ่ง ซึ่งกล่าวได้ว่า เป็นผลดีต่อผู้ประกอบการในการบริหารจัดการธุรกิจ และช่วยเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างดี เพราะระบบ CRM อัตโนมัตินั้น สามารถดูแลลูกค้าได้มากกว่า 1 ล้านคน

AIYA ช่วยเรียกลูกค้าด้วยหรือ? 

ทั้งนี้ นอกจาก AI Chatbot จะทำหน้าที่บริหารลูกค้าสัมพันธ์แล้ว AIYA ยังส่ง ตัวช่วยเรียกลูกค้าเข้าหน้าร้าน ให้ผู้ประกอบการ ผ่าน LINE ด้วย ‘AiBeacon’ อีกด้วย โดย AiBeacon ช่วยอะไรบ้าง?

  1. ใช้ LINE Beacon Banner ไม่เสียค่าโฆษณา

โดย Banner โฆษณาที่แสดงผลในหน้า Smart Chat ของ LINE สำหรับลูกค้าที่ยังไม่เป็นเพื่อนกับ LINE Offical Account สามารถคลิ๊ก เพิ่มเพื่อน ได้ทันที ไม่ต้องจ่ายค่า Gain Friend Ads

  1. ไม่เสียค่าส่งข้อความด้วย Beacon Message

ส่งข้อความหาลูกค้าได้อัตโนมัติผ่าน LINE Official Account ของร้านค้าเอง แบบไม่มีค่าใช้จ่าย เมื่อลูกค้าอยู่ในรัศมีสัญญาณ 25 เมตร

  1. Re-target Message ด้วย Location-based Marketing

เพิ่มยอดขาย ด้วยการ Broadcast ไปยังกลุ่มเป้าหมายเฉพาะที่เคยมาใช้บริการที่หน้าร้าน ตามช่วงวันเวลา เพื่อกระตุ้นการมาใช้บริการซ้ำ ลดต้นทุนการโฆษณา

แพลตฟอร์มบริการจัดการ LINE Beacon ยังสามารถรองรับอุปกรณ์ได้มากกว่า 1,000 ตัว จุดนี้จึงทำให้ผู้ประกอบการใช้ได้หลายสาขา แบ่งโซน ดูสถิติเชิงลึก ทั้งยังตั้งข้อความ Beacon Message ได้อย่างอิสระด้วย เรียกได้ว่า เป็นตัวช่วยคนค้าขายได้อย่างครบวงจร โดยสามารถช่วย นับจำนวนและความหนาแน่นของลูกค้าที่เข้าใช้บริการ มีระบบส่งคูปองโปรโมชั่นเข้า LINE ลูกค้าทันที เมื่อเดินผ่าน ครอบคลุมรัศมี 25 เมตร ที่สำคัญ ยังรองรับการทำงานหลายสาขา ดูสถิติแยกรายสาขาได้ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือ ความสะดวกสำหรับการก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างอิสระ หลังใช้ตัวช่วย AIYA มาช่วยบริหารจัดการ

ถือได้ว่า เป็น MarTech (Marketing Technology) คนสำคัญคนหนึ่งของวงการ หากสืบสาวความเป็นมาของ ‘อัจฉริยะ’ ก็เรียกได้ว่า เป็นคนอัจฉริยะสมชื่อ … ‘อัจฉริยะ’ ประกาศตัวครั้งแรก คือบอกว่า อยากเปิดบริษัทตัวเองทันทีที่เรียนจบ (สาขาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น) แต่ด้วยเพราะมีคำแนะนำจากอาจารย์ที่ปรึกษา ว่าให้ลองไปเรียนรู้ระบบจากที่อื่นก่อน แล้วค่อยมาทำของตัวเอง จึงเดินตามคำแนะนำ กระทั่งปี 2007 (2550) ที่เริ่มทำบริษัท MegaSofts ทำผลงานชื่อว่า MegaDict เป็นดิกชันนารี ‘ที่ชี้’ แล้วแปลได้ ผลงานนี้ชนะเลิศโครงการ Thailand ICT Awards 2013 ได้ยอดขายเยอะมาก แต่วงจรสินค้าอยู่ได้แค่ 2 – 3 ปี ทั้งนี้ แม้ความตั้งใจสร้างโซลูชันมากมายให้วงการศึกษา สุดท้ายแล้ว ในปี 2560 ก็ถึงเวลาของ AIYA

อัจฉริยะ เริ่มก่อตั้ง บริษัท มีจีเนียส จำกัด ในปี 2560 สร้างแพลตฟอร์ม AIYA ขึ้น ซึ่งก็ถือว่า เป็นสตาร์ตอัพที่ โดดเด่นในวงการ A.I. MarTech คนหนึ่ง โดยสร้างประสบการณ์ลูกค้า O2O Marketing เจ้าแรกในประเทศไทย พร้อมมพันธมิตรระดับโลกอย่าง Meta, LINE, และ AWS พัฒนาโซลูชันด้วยมาตรฐาน ISO29110 และการจัดการข้อมูลที่ล้ำสมัยและจัดการด้วย A.I. 

มีผลิตภัณฑ์ และการบริการประกอบด้วย 

1.ธุรกิจ Software as a Service ด้าน Marketing Technology

2.ธุรกิจ Hardware as a Service อุปกรณ์ AiBeacon BLE Proximity Marketing

3.ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาด้านการตลาดและพัฒนาซอฟต์แวร์

ทำให้ในปัจจุบัน พัฒนาการบริการไปแล้ว 5 product ประกอบด้วย

  1. AiBeacon: O2O Proximity Marketing
  2. AiBots: แชทบอทช่วยให้ข้อมูลสินค้าบริการ
  3. AiChat: Chat Center ปิดการขายด้วย Chat Commerce
  4. ACRM: ระบบสมาชิกลูกค้าและช่วยสร้าง Brand Engagement
  5. AiFeedback: วิเคราะห์ Sentimental และ Category Distribution

นี่แหละ MarTech ที่ตอบโจทย์ ทั้งการสร้าง awareness ให้กับลูกค้าของตัวเอง และรวมถึการให้ช่องทางการตลาด เพราะ AIYA สร้างทุกอย่างไว้รองรับหมดแล้ว อนาคตหากลู่วิ่งใหม่ ก็เชื่อว่า AIYA จะรีบ add เข้าไปตอบสนองการใช้งานอย่างรวดเร็วแน่นอน เพราะ ‘อัจฉริยะ’ เขาคือ นักพัฒนา MarTech ‘ตัวจริง’

ช่องทางการติดต่อ 

AIYA แชตบอท: https://web.aiya.ai/

บทความนี้อยู่ภายใต้โครงการ Startup Thailand Connext สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Orange and Black Attractive Modern YouTube Thumbnail - 24

Davinz A.I. ปั้นนางแบบ-อินฟลูฯ ดิจิทัล ตัวช่วยวงการโฆษณา ง่ายขึ้น!!!

Davinz A.I. ปั้นนางแบบ-อินฟลูฯ ดิจิทัล ตัวช่วยวงการโฆษณา ง่ายขึ้น!!!

สตาร์ตอัปไทย Davinz A.I. พัฒนาแพลตฟอร์มสร้างรูปภาพด้วย เอ.ไอ. ช่วยผลิตสื่อโฆษณาง่าย
ชูจุดเด่น ทำงานไวไม่พอ ยังช่วยลดต้นทุนมหาศาล ได้ผลงานเริ่ด
ตอกย้ำ การเป็น AI ตัวช่วยสำคัญให้หลากหลายสาขาอาชีพ

และแล้ว ‘นางแบบดิจิทัล!!!’ ก็มา … แล้วมาในรูปแบบไหน??? 

เน็กซ์ อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) หนึ่งใน Deep Tech Startup Thailand มีคำตอบ !!! 

เมื่อโลกอยู่ในยุคดิจิทัล อะไรก็เกิดขึ้นได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไทยเรามีคนเก่งในประเทศ อย่าง ‘อาคมินทร์ ทองสุข’ CEO/CTO บริษัท เน็กซ์ อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ที่ขณะนี้เขาได้พัฒนาแพลตฟอร์ม Davinz A.I. (ดาวินชี เอ.ไอ.) หรือคือ แพลตฟอร์มสร้างรูปภาพด้วย เอ.ไอ. มาบริการคนกลุ่มใหญ่ 4 กลุ่มด้วยกัน ซึ่งก็คือ 1. Creative Designer 2. สถาปนิก 3. Fashion Designer 4. นักสร้างโฆษณา หลังเทคโนโลยีที่เขาสร้างขึ้น ทำให้พวกเขาเหล่านี้ “ทำงานง่ายขึ้นมาก ทั้งยังช่วยลดต้นทุน ลดเวลาได้มหาศาล”

นี่คือ ยุคที่เติบโตด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล หลายภาคส่วนนำ AI เข้ามาเป็นตัวช่วย เพียงแต่เราทุกคนต้องพัฒนาตัวเอง เพื่อจะ ‘ใช้งาน AI ให้เป็น’ เพราะเมื่อ ‘รู้แล้ว’ งานและหน้าที่ยากๆ หลายสิ่งอย่างก็จะง่ายขึ้น!!!

รู้จัก Davinz A.I. ของ ‘อาคมินทร์’

อาคมินทร์ ให้ข้อมูลถึง Davinz A.I. ที่พัฒนาขึ้นนี้ว่า เป็น บริการสร้างรูปภาพ จากคำอธิบาย (Prompt) หรือจากข้อความ (text-to-image) โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการแปลงข้อมูลที่ได้รับจากคำอธิบาย (Guideline) ของผู้ใช้งาน เป็นภาพที่สอดคล้องกับเนื้อหาที่ระบุ บริการนี้ใช้โมเดล AI ที่ถูกพัฒนาให้มีความสามารถในการเข้าใจความหมายของคำต่างๆ รวมถึงบริบททางภาพ และนำมาประมวลผลเพื่อสร้างภาพที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ผลลัพธ์ของคำอธิบาย จะทำให้คุณได้รูปภาพที่อยากได้-ที่เหมาะกับดีเทลงานนั้นๆ เป็นอย่างดี โดยทุกคนสามารถใช้งานได้ง่ายๆ ผ่าน Website และ Chat App 

ด้วยเหตุนี้ Davinz A.I. จึงเป็นตัวช่วยทุกคน จะเป็น นักเรียน-นักศึกษา เป็นคนวงการโฆษณา หรือคนทำมาค้าขายออนไลน์ ใดๆ ก็แล้วแต่ในยุคดิจิทัลนี้ คุณก็สามารถนำ Davinz A.I. แพลตฟอร์มสร้างรูปภาพด้วย เอ.ไอ. นี้ ไปใช้กับงานของคุณได้หลากหลาย โดยที่ประสิทธิภาพของ Davinz A.I. นี้ จะสามารถช่วยคุณได้ … ที่โดดเด่นที่สุด คือ… 

  1. สร้างภาพ Virtual Influencer ที่สมจริง และคุม Consistency ได้ง่าย 
  • Davinz A.I. Platform สามารถสร้างภาพนางแบบ อินฟลูเอนเซอร์ ได้อย่างสมจริง จนแยกไม่ออกระหว่างภาพที่ถูก A.I. สร้างขึ้นมากับมนุษย์จริง 
  • สามารถจัดท่าทางและคุม Consistency ระหว่างภาพได้ง่าย 
  • เหมาะกับการใช้โปรโมทสินค้าหรือบริการ 
  1. การรองรับภาษาไทย Davinz A.I. Platform รองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบทั้งภาษาอย่างเป็นทางการและภาษาธรรมชาติที่ใช้พูด ทำให้ผู้ใช้งานที่เป็นคนไทย

ขยายความประโยชน์ Davinz A.I. นอกจากสองสิ่งดังกล่าวแล้ว เรายังสามารถใช้ Davinz A.I. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในยุคนี้ ได้อีก โดยยังเป็นตัวช่วย สิ่งต่างๆ ต่อไปนี้ 

  1. การเข้าถึงเทคโนโลยี AI อย่างง่ายดาย
  • Davinz A.I. เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักออกแบบมืออาชีพ นักการตลาด หรือแม้กระทั่งบุคคลทั่วไป ได้เข้าถึงเทคโนโลยี AI ที่สามารถสร้างภาพจากคำอธิบายได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนของการออกแบบภาพ
  1. ตอบสนองความต้องการของตลาดคอนเทนต์ออนไลน์
  • การสร้างภาพด้วย AI ช่วยให้ผู้ใช้สร้างภาพเพื่อใช้ในคอนเทนต์ออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุคที่การผลิตคอนเทนต์ต้องการความเร็วและความหลากหลาย การสร้างภาพแบบทันทีจากคำอธิบายสามารถช่วยให้ธุรกิจหรือผู้สร้างคอนเทนต์แข่งขันได้ทันในตลาด
  1. ลดต้นทุนและเวลาในการสร้างภาพ
  • Davinz A.I. ช่วยลดต้นทุนในการจ้างนักออกแบบหรือช่างภาพ และยังช่วยประหยัดเวลาในการสร้างภาพที่ต้องการให้สอดคล้องกับความคิดสร้างสรรค์หรือแผนการตลาด
  1. ความสามารถในการปรับแต่งสูง
  • แพลตฟอร์มสามารถสร้างภาพที่มีความละเอียดและความซับซ้อนตามคำอธิบายของผู้ใช้ ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งภาพตามความต้องการเฉพาะได้ โดยไม่ต้องมีทักษะการออกแบบขั้นสูง
  1. การเติบโตของการใช้ AI ในธุรกิจหลากหลายด้าน
  • Davinz A.I. ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การตลาด การโฆษณา การพัฒนาเกม และงานสร้างสรรค์อื่นๆ ด้วยการใช้ AI ในการสร้างสรรค์ภาพอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  1. รองรับการทำงานข้ามแพลตฟอร์ม
  • Davinz A.I. สามารถใช้ร่วมกับแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันต่างๆ ช่วยเพิ่มความสะดวกในการนำภาพไปใช้งานในหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบนเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือแพลตฟอร์มการตลาดต่างๆ
  1. การใช้งานในอุตสาหกรรมที่ต้องการนวัตกรรมใหม่
  • อุตสาหกรรมที่ต้องการนวัตกรรม เช่น การพัฒนาเกม การโฆษณา หรืออุตสาหกรรมบันเทิง สามารถนำ Davinz A.I. ไปใช้งานเพื่อสร้างสรรค์ภาพประกอบต่างๆ ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอการสร้างภาพจากมนุษย์นานๆ
  1. การใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีอื่นๆ
  • Davinz A.I. สามารถใช้ควบคู่กับเทคโนโลยี AR, VR หรือแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับการสร้างภาพสามมิติ ซึ่งเป็นจุดแข็งในยุคที่การใช้งานเทคโนโลยีเสมือนจริงกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ทั้งหมดนี้ คือประสิทธิภาพสำคัญ ที่ Davinz A.I. สร้างสรรค์ขึ้นมาตอบโจทย์ในยุคที่มนุษย์ต้องการความไว สำคัญกว่านั้น คือ ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด ที่ Davinz A.I. ช่วยปิดจบไปหลายด้าน ทำให้ทุกคนสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ อย่างไม่รู้จบ !!!

แล้วตอนนี้ ‘ความนิยม’ เป็นอย่างไรบ้าง ??

ต้องบอกว่า เมื่อผู้คนเริ่มรู้จัก Davinz A.I. ก็มีกระแสตอบรับที่ยอดเยี่ยม อาคมินทร์ จึงเล่าในส่วนของการพัฒนา Davinz A.I. ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ใน Phase พัฒนาตัวระบบที่จะเน้นการสร้างรูป Virtual Influencer, Digital Human (อินฟลู – นางแบบดิจิตอล ที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง) ที่มีความสมจริงเหมือนภาพถ่าย (Ultra Realism) โดยที่ผู้ใช้งานสามารถกำหนดท่าทางของนางแบบ และความต่อเนื่องของการสร้างภาพหลายภาพได้ง่ายๆ ใช้เวลาน้อย เหมาะกับการนำไปใช้ในงานโปรโมทสินค้าและบริการ และรวมถึงงานการศึกษาและการวิจัย โดยไม่ต้องใช้นางแบบที่เป็นคนจริงที่มีข้อจำกัดหลายอย่าง และช่วยลดเวลาและลดต้นทุนการผลิตสื่อโฆษณา !!! ถือเป็นมิติใหม่ที่ใครๆ ก็นำไปใช้กับงานของตัวเองได้ รวมถึงองค์กร ก็สามารถนำไปพัฒนาระบบ และบุคลากร ได้ 

จะว่าไป เน็กซ์ อินโนเวชั่น ประเทศไทย โดย ‘อาคมินทร์’ ผู้นี้ เขาวางตัวเองชัดเจน ในการเป็น Tech Transformation Company ของคนไทย ที่จะเข้าไปช่วยให้องค์กรณ์สามารถนำ Innovation และ Technology เข้ามาปรับใช้ในองค์กรเพื่อเพิ่ม Productivity, Efficiency, Profit, ลด Cost ไปจนถึงการพัฒนาบริการหรือหน่วยธุรกิจใหม่ของบริษัท โดยที่บริการของเน็กซ์ อินโนเวชั่นแบ่งออกเป็น 4 แกนหลักๆ ได้แก่ 

  1. End-to-End Consulting & Software Development Services – ประกอบไปด้วย Consulting Service บริการให้คำปรึกษาแบบเต็มรูปแบบ เพื่อทำให้ไอเดียทางธุรกิจของลูกค้าเกิดขึ้นได้จริง – Design Service ทั้งในส่วนของ UX UI Design และ System Design ที่พร้อมสำหรับการนำไปพัฒนา – Engineering Service พัฒนา Platform ทั้ง Web App / Mobile App / APIs / Blockchain / A.I. โดยใช้ Technology ที่ดีและเหมาะสมที่สุด – และ Maintenance Service ที่รับดูแลระบบให้ต่อเนื่องหลังการพัฒนา Platform เสร็จสิ้นและเริ่มเปิดให้บริการจริง 
  2. Cloud Service – เราเป็น Local Distributor ในไทยให้กับ AWS (Amazon Web Services) Cloud Providers อันดับ 1 ของโลก ครอบคลุม Cloud Service ทุกรูปแบบและรองรับการออกบิลเป็นเงินบาท 
  3. Ecommerce & Retails SAAS Solutions – ให้บริการ ระบบ Linko POS ที่เป็นระบบจัดการร้านค้าและแฟรนไชส์ ที่มี Feature เทียบเท่า ERP ในราคาที่ SME เข้าถึงได้พร้อมระบบแสกนสั่งอาหารผ่าน QR Code และระบบ CRM 
  4. A.I. & Deep Tech SAAS Solutions

– ให้บริการระบบ Veno A.I. ที่ใช้ A- ระบบ Veno A.I. ที่ใช้ A.I. ในการนับ Impression (จำนวนคนที่เห็นโฆษณา) / Reach วิเคราะห์ Segmentation / Demographic ของป้ายโฆษณานอกบ้านเช่น Billboard ขนาดใหญ่ที่เป็นไวนิลและจอดิจิตอลตามทางด่วน, สี่แยก, หรือป้ายที่ติดอยู่ตามอาคาร.I. ในการนับ Impression (จำนวนคนที่เห็นโฆษณา) / Reach วิเคราะห์ Segmentation / Demographic ของป้ายโฆษณานอกบ้านเช่น Billboard ขนาดใหญ่ที่เป็นไวนิลและจอดิจิตอลตามทางด่วน, สี่แยก, หรือป้ายที่ติดอยู่ตามอาคาร 

– และระบบใหม่ล่าสุด คือ Davinz A.I. แพลตฟอร์มสร้างรูปภาพด้วย A.I. (ที่ได้กล่าวถึงในข้างต้น) ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ในโครงการ Open Innovation 

Davinz A.I. Platform นี้ อาคมินทร์ position วางตัวเองเป็น Global Platform ตั้งแต่ Day 1 โดยสร้างระบบที่รองรับทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ซึ่งตลาดเป้าหมายแรกตั้งเป้าเริ่มเปิดใช้งานจาก ‘ตลาดในประเทศ’ (Domestic Market) ก่อนเป็นที่แรก เพื่อสร้างฐาน User ให้แข็งแกร่งก่อนจำนวนหนึ่ง และจะขยายสู่ Global market ต่อไป ซึ่ง Domestic Market Target จะเป็นคนไทย ทั้งเพศชายและหญิงที่เข้าใจภาษาไทยและทำอาชีพในสายงาน Creative ได้แก่ 1. Creative Designer 2. สถาปนิก 3. Fashion Designer 4. นักสร้างโฆษณา ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มนี้จากผลสำรวจของหน่วยงานรัฐ ศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ (TCDC) ได้ทำผลสำรวจเอาไว้ว่า มีจำนวนรวมกันทั้งสิ้นกว่า 141,960 กระจายตัวอยู่ในบริษัท Agency และแบรนด์สินค้าต่างๆ ภายในประเทศ เน็กซ์ อินโนเวชั่น จึงจะเน้นการขาย License ให้กับบริษัท และแบรนด์ที่สนใจใช้งานมากขึ้นต่อไป

ถือได้ว่า เป็นอีก 1 สตาร์ตอัปแห่งโอกาส เพราะ Generative A.I. เป็น Technology ที่ค่อนข้างใหม่ที่มีกระแสการตอบรับและการเติบโตที่สูงมากตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยทั่วโลกมีจำนวนผู้ใช้งาน Image Genenration A.I. Tool กว่า 14.6 ล้านคน คิดเป็นการเติบโตกว่า 14,000% ในระยะเวลาอันสั้น ขณะที่ในประเทศไทยเอง ก็ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีชื่อเสียงทางด้านการผลิตงานสื่อและโฆษณาในระดับโลก และมีบุคลากรและ Creator ที่มีความสามารถสูงอยู่ในอุตสาหกรรมนี้แล้วกว่า 140,000 คน และยังจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี

นี่แหละสตาร์ตอัป Davinz A.I. Platform คนเก่งของไทยที่ใครๆ ก็เห็นโอกาสการเติบโตสูงในระยะเวลาอันรวดเร็ว อีกหนึ่งความหวัง สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัท Tech ของคนไทย ที่สามารถก้าวขึ้นไปแข่งขันในเวทีระดับโลกได้ จากการพัฒนาแพลตฟอร์มที่ช่วยสนองงานทุกคนบนโลกใบนี้ ได้ง่ายๆ และมีประสิทธิภาพสูง ลุ้นอีกทีว่า จะใช่ ‘ยูนิคอร์นตัวใหม่ (ตัวที่ 4)’ ของประเทศไทย หรือไม่??

ช่องทางการติดต่อ 

NEXT INNOVATION: https://nextinnovation.io/

บทความนี้อยู่ภายใต้โครงการ Startup Thailand Connext สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)