13

Fuzik Connex ดนตรีออนไลน์ เพื่อชุมชนคนดนตรี

Fuzik Connex ดนตรีออนไลน์ เพื่อชุมชนคนดนตรี

• Fuzik แพลตฟอร์มเชื่อมนักดนตรีทั่วโลก ชู One Stop Service บริการตั้งแต่ ก้าวแรก ‘สมัครเล่น’ ถึงขึ้น ‘ศิลปิน’
• โดดเด่นที่ใช้งานง่าย ให้พื้นที่เผยแพร่ผลงาน-ให้ออนไลน์ตัดต่อเพลงร่วมกับศิลปินดัง เสมือนเล่นดนตรีอยู่ด้วยกัน 
• เชื่อม ‘โลกดนตรี’ ไร้พรมแดน 

มิติใหม่วงการเพลง โลกไม่จำกัดแล้วว่า การร้องเพลงจะต้องอยู่ใน Studio Record โดยไม่ว่าจะ ร้องเดี่ยว ร้องคู่ ร้องร่วมกับเพื่อน กับนักร้อง หรือกับศิลปินดัง อยู่ที่ไหนก็มีกิจกรรมร่วมกันได้ เพียงแค่คลิกเข้าแพลตฟอร์มชุมชนดนตรีออนไลน์ ที่ชื่อ Fusik (ฟิวซิก)
Fusik (ฟิวซิก) ภายใต้ บริษัท ฟิวซิก คอนเนกซ์ จำกัด (Fusic Connex) เป็น ‘แพลตฟอร์มเล่นดนตรีออนไลน์’ ที่ตอบสนอง-เชื่อมต่อ ‘การร้องเพลง และหรือการสร้างผลงาน’ ได้อย่างไม่จำกัด ทั้งกับตัวบุคคล สถานที่ และเวลา เปิดโอกาสผู้มีใจรักในเสียงเพลง มารวมตัวกันที่ Fusik นับเป็นเรื่องไม่ง่าย แต่สตาร์ทอัพ 3 คนซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งก็ทำได้ จากการมีใจรักดนตรีที่เหมือนกัน ส่วนความต่างก็เป็นเรื่องความสามารถ Startup Thailand จะพาไปรู้จักทั้ง 3 ผู้ก่อตั้ง ใครทำอะไรตรงไหน?

ภวินท์ นันทจันทูล Chief Executive Officer : CEO มีประสบการณ์การทำงานด้านการพัฒนาธุรกิจและการขาย ให้กับบริษัทชั้นนำในประเทศไทย ความเชี่ยวชาญในด้านนี้ช่วยให้ Fuzik มีวิสัยทัศน์ทางธุรกิจที่ชัดเจนและเติบโตอย่างมั่นคง

บุษราคัม คลอวุฒิวัฒน์ Chief Marketing Officer : CMO เป็นนักการตลาดที่มีประสบการณ์การทำงานให้กับสตาร์ทอัพหลายแห่ง ความสามารถในการวางกลยุทธ์การตลาดและการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ Fuzik เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง

ธีรชาติ ชยาภรณ์ Chief Technology Officer : CTO เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนโปรแกรมและระบบคอมพิวเตอร์ที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ท่านมีความสามารถในการพัฒนาระบบ ERP ให้กับธนาคารชั้นนำในประเทศไทย ความเชี่ยวชาญด้านนี้ช่วยให้แพลตฟอร์มของ Fuzik มีความเสถียรและใช้งานง่าย

กล่าวได้ว่า Fusik Connex เป็นผู้ให้บริการด้านดนตรีรูปแบบ one stop service ตั้งแต่การเรียนการสอนไปจนถึงการเป็นศิลปิน Fuzik เชื่อมโยงนักดนตรีและครีเอเตอร์จากทั่วทุกมุมโลกเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรีสมัครเล่นหรือมืออาชีพ Fuzik จะเป็นพื้นที่สามารถสร้างสรรค์เพลงร่วมกับคนอื่นๆ ได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบาย

โดยใน Fuzik Collaborate ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักดนตรีทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรีมือใหม่ที่ต้องการหาเพื่อนเล่นดนตรีหรือครีเอเตอร์ที่ต้องการขยายฐานแฟนคลับและสร้างผลงานร่วมกับคนอื่น ๆ โดยจะสนับสนุนและเสริมสร้างความสามารถของนักดนตรี ให้ก้าวหน้าและประสบความสำเร็จในวงการดนตรี ผ่านแพลตฟอร์มเล่นดนตรีที่ทุกคนสามารถนำคลิปเล่นดนตรีของตัวเองมารวมกับคนอื่นได้เพื่อทำเพลง cover หรือเพลงตัวเองออกมา ต่างกับก่อนหน้านี้ วงการดนตรีมักมีปัญหาด้านการขาดโอกาสในการเชื่อมต่อ และการเล่นดนตรีร่วมกันระหว่างนักดนตรีจากสถานที่ต่างๆ แต่ Fuzik ปิดจบเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ทั้งยังอำนวยความสะดวกด้วยเครื่องมือและฟีเจอร์ต่างๆ ครบถ้วน จะ Record อัพโหลดวิดีโอก็ทำได้, Collaborate เล่นดนตรีร่วมกับคนอื่น, Share แชร์ความสนุกให้โลกเห็น รับรู้ผลงานเพลงก็ทำได้ และรวมถึงการสานฝัน เล่นดนตรีกับศิลปินที่ชื่นชอบ แล้ว cover เพลงออกมา ก็สามารถทำได้

เห็นดังนี้แล้ว ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนรักเสียงดนตรี บอกได้เลยว่า Fuzik ตอบโจทย์ และเปิดประตูรอเพื่อให้ก้าวเข้าไป เพื่อให้โอกาสคิดงาน-สร้างสรรค์ผลงานเพลงใหม่ๆ Fuzik ยังฝากถึงบรรดาครีเอเตอร์ที่ต้องการแพลตฟอร์มในการเผยแพร่ผลงาน หรือใครก็ตาม ที่ต้องการค้นหาเพื่อนร่วมงานในวงการดนตรี Fuzik จะเป็นสถานที่ที่ช่วยเติมเต็มความฝันและพัฒนาศักยภาพของนักดนตรีทุกคน ไม่มีข้อจำกัด ชนิดที่ว่า อยู่ที่ไหนก็ทำได้

ที่ผ่านมา Fuzik ได้ร่วมงานกับค่ายเพลง High Cloud นำศิลปินมาโปรโมทแพลตฟอร์ม และทำคลิปวีดีโอเล่นดนตรีร่วมกับศิลปินเพื่อให้ผู้ใช้งานเข้ามาเล่น อนาคตยังเตรียมการร่วมมือกับค่ายเพลงอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อผลักดันวงการดนตรีไทยให้มีศักยภาพเทียบเท่าหรือมากกว่าต่างประเทศต่อไป

นี่แหละ สตาร์ทอัพไทยสาย CreativeTech ที่หนุนคนรักเสียงเพลง รักการร้องเพลง ได้เติบโตด้วยบริการด้านดนตรีรูปแบบ one stop service ตั้งแต่การเรียนการสอนไปจนถึงการเป็นศิลปิน ช่วยเติมเต็มความฝันและพัฒนาศักยภาพของนักดนตรีทุกคน กับการใช้งานสุดง่าย พร้อมการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งเป็นคุณค่าที่ผู้ก่อตั้งทั้งสามตั้งใจนำเสนอให้กับผู้ใช้ทุกคน เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถเล่นดนตรีร่วมกับนักดนตรีคนอื่นๆ ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด หวังด้วยว่า Fuzik จะร่วมพัฒนาวงการดนตรี เพื่อก้าวใหม่ของทุกคนได้อย่างยอดเยี่ยม

ถ้าคุณพร้อมเปิดประสบการณ์ในโลกของเสียงเพลง เชื่อมต่อผู้คนที่หลงไหลในเสียงเพลงง่ายๆ ด้วยการโหลด Fuzik Connex

ช่องทางการติดต่อ 

Fuzik Connex: https://fuzik.co/ และ https://www.facebook.com/fuzikcollaboration

บทความนี้อยู่ภายใต้โครงการ Startup Thailand Connext สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Related Posts

VECABO1

VECABO พลังคนรุ่นใหม่ พัฒนาอุตสาหกรรมรถเช่า ปลอดภัย-ให้สุขระหว่างทาง

VECABO พลังคนรุ่นใหม่ พัฒนาอุตสาหกรรมรถเช่า ปลอดภัย-ให้สุขระหว่างทาง

• สตาร์ทอัพ VECABO พัฒนาบริการเช่ารถบัส-รถตู้ ตรงใจลูกค้า ส่งทุกทริป ทั้งงานและการท่องเที่ยว ‘อุ่นใจ’
• ชู การนำเทคโนโลยี และ AI เป็นตัวช่วยบริหารจัดการ-ลดต้นทุนธุรกิจขนส่ง เพิ่มรายได้
• Transform ธุรกิจขนส่งและรถเช่า เข้าสู่ยุค Green Economy

‘ทริปเดินทาง’ สำคัญสุดคือ ‘ความปลอดภัย’ … ‘VECABO’ (วีคาโบ) สตาร์ทอัพคนไทย ที่เห็นทั้งปัญหาและโอกาส ร่วมตั้งธุรกิจ ‘ศูนย์รวมรถเช่า’ ให้บริการรถเช่าที่มีทั้งรถบัสและรถตู้ พร้อมสร้างมาตรฐานที่ดีส่งทุกจุดหมายให้รอยยิ้มระหว่างทาง …ที่กล่าวมานี้ เป็นความตั้งใจของสตาร์ทอัพ 3 ผู้บริหาร ที่คุยกันก่อนมาร่วมก่อตั้งเป็น Vecabo ว่า ธุรกิจยุคใหม่ ต้องมีจุดต่าง!!! และด้วยจุดของการเป็น ‘ศูนย์รวมรถเช่า’ แน่นอนว่า ต้องมีข้อมูลมหาศาล และการจัดการหลากมิติเข้ามาเกี่ยวข้อง ว่าแล้วก็ไม่รอช้า จับเทคโนโลยีบริหารจัดการมาเข้าช่วย โดยเทคโนโลยีที่ว่านี้ เรียกได้ว่า ครอบคลุมทั้งฝั่ง ‘การให้บริการผู้โดยสาร’ และอีกฝั่ง คือ ‘การจัดการภายใน’… แต่ก่อนอื่น พาทำความรู้จักธุรกิจของ Vecabo กันก่อน
Travel Tech Startup แบรนด์ ‘VECABO’

‘VECABO’ คือระบบกลางที่ให้บริการด้านการเดินทางที่เน้นเรื่องความปลอดภัยด้วยรถบัส โดยมีบริการหลักคือ บริการเช่ารถบัส และ บริการเช่ารถตู้ โดย Vecabo ไม่ได้เป็นเจ้าของรถแต่เพียงผู้เดียว แต่ Vecabo สร้างระบบคัดกรองผู้ให้บริการรถบัสทั่วประเทศขึ้น เพื่อให้ผู้ที่ต้องการใช้งานรถบัสทั่วไป สามารถเรียกใช้บริการรถบัสและรถตู้ต่างๆ เหล่านี้ได้แบบไม่ต้องกังวล และเจ้าของรถ หรือผู้ให้บริการเช่ารถที่จะรับงานในระบบ จะต้องผ่านการตรวจสอบประวัติและเข้ารับการอบรมที่บริษัทก่อนที่จะสามารถให้บริการกับลูกค้าของ Vecabo ได้ การจ้างบริการเช่ารถบัสและรถตู้ผ่านระบบ Vecabo ยังสร้างความสะดวกในด้านของราคาที่เป็นมาตรฐานอีกด้วย

Vecabo เริ่มต้นให้บริการเช่ารถบัสในปี 2017 และทางบริษัทได้ทำการพัฒนาระบบเรื่อยมา ด้วยจุดมุ่งหมายตอบโจทย์แก้ปัญหาที่เคยมีมาในอดีต ตอบโจทย์การเดินทาง และความต้องการของลูกค้า มีความน่าเชื่อถือ ให้บริการด้วยคุณภาพ และลดปัญหาการโก่งราคา โดยทางระบบคัดกรองผู้ให้บริการเช่ารถบัสทุกคน เพื่อควบคุมคุณภาพของผู้ให้บริการในระบบระยะยาว

ขณะที่อีกด้าน ลูกค้าที่ใช้บริการยังสามารถ Review ให้คะแนนกับผู้ให้บริการรถบัสภายหลังการใช้บริการได้ด้วย สิ่งนี้จะเป็นส่วนสำคัญ ที่ถ้าหากผู้ให้บริการรายใดที่ที่มี Rating ต่ำสะสมติดต่อกัน จะถูกระงับการรับงานผ่านทางระบบของ Vecabo ไปในที่สุด สิ่งนี้ก็เป็นการรักษาคุณภาพผู้ให้บริการเช่ารถบัสในระบบ เพื่อลูกค้าพึงพอใจสูงสุดนั่นเอง

VECABO กับการบริหารจัดการแบบ ‘คนรุ่นใหม่’

กล่าวได้ว่า การนำระบบเข้าจัดการอย่างชาญฉลาดนี้ เกิดขึ้นมาพร้อมการก่อตั้ง ของผู้ร่วมก่อตั้ง Vecabo 3 คน ประกอบด้วย จีรยุททธ สุดเจริญ Chief Executive Officer (CEO), ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ Chief Strategy Officer (CSO) และวริทร์ธร วิริยะมนตรี Chief Technology Officer (CTO) โดยทั้งสามมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมรถบัส ที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเดินทางให้กับทุกคน ประกาศนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมาประยุคใช้ เพื่อให้บริการส่งถึงทุกจุดหมายปลายทางด้วยความสุข … ดังคำกล่าว ของอีลอน มัสก์

“Remember that happiness is a way of travel – not a destination.”

โปรดจำไว้ว่า ความสุขของการเดินทางเกิดขึ้นระหว่างทางที่ไป ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง -Elon Musk-

นั่นหมายความว่า ทุกๆ การเดินทาง เมื่อใช้บริการอยู่บนรถ จะได้รับการบริการด้วยมาตรฐานความปลอดภัย และรวมถึงบริการอื่นๆ อย่างสุดประทับใจในทุกจุดหมาย จากความพิถีพิถันคัดสรรการบริการ ตั้งแต่การคัดเลือกยานพาหนะที่ดี มั่นใจได้ว่า ปลอดภัยที่สุด นอกจากนี้ Vecabo ยังใส่ใจในทุกขั้นตอนของการเดินทาง ตั้งแต่การจองรถบัส, ระหว่างการเดินทาง, รวมไปถึงจุดหมายปลายทางเพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย และสร้างความประทับใจในราคาสุดคุ้มค่า โดยธุรกิจที่เติบใหญ่ มีรถเช่าให้บริการทั้ง รถบัสและรถตู้มากกว่า 2,000 คัน ทำให้การทำงานต้องจัดการด้วยระบบ

‘VECABO’ ชูเด่นเรื่อง ‘ระบบจัดการ’ มุ่งสู่อุตสาหกรรม Logistics

Vecabo ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา Vecabo มุ่งให้บริการสินค้าและแพลตฟอร์มรวม 2 บริการ ได้แก่

1. ระบบ Vecabo Booking เป็นระบบการจองสำหรับยานพาหนะให้เช่า ที่เน้นการแก้ปัญหาการจองที่ล่าช้า ขาดคุณภาพในการตรวจสอบเรื่องการบริการ พนักงานขับรถ กับยานพาหนะ และหาดีลที่ดีที่สุดให้ผู้บริโภค โดยปัจจุบันมีผู้ให้บริการรถบัสสมัครเป็น Partner เข้าร่วมแพลตฟอร์มมากขึ้นเรื่อยๆ รวมจำนวนฝูงรถให้บริการมากกว่า 2,000 คัน

2. ระบบ Vecabo Management เป็นระบบบริหารจัดการอัตโนมัติสำหรับธุรกิจขนส่งและรถเช่า (AI & Automation transportation management system) โดยเฉพาะเมื่อมีฝูงรถจำนวนมาก จะช่วยในการแก้ปัญหาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเทคโนโลยี และ AI นี้จะเข้ามาช่วยลดต้นทุนธุรกิจขนส่ง เพื่อเพิ่มรายได้ และ Transform ธุรกิจขนส่งและรถเช่าเข้าสู่ยุค green economy ช่วยให้การทำธุรกิจส่งผลกระทบเชิงลบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

เห็นระบบต่างๆ ดังนี้แล้ว ก็บอกเลยว่า ระบบช่วยให้ Vecabo บริหารจัดการ ‘งาน’ ง่ายขึ้นมาก แม้จะต้องอัพเดทข้อมูลพาร์ตเนอร์ผู้ให้บริการรถ ‘ยอดเยี่ยม’ และ ‘ยอดแย่’ ต้องปรับปรุงหรือต้องหลุดออกนอกระบบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ Vecabo ขอบคุณลูกค้า ที่เป็นส่วนสำคัญทำให้คงมาตรฐานนี้มาได้โดยตลอด

ทั้งนี้ นอกจากความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญแล้ว มาตรฐานตัวรถ ยิ่งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดย Vecabo ตอกย้ำ รถบัสและรถตู้ที่นำมาให้บริการนั้น จะมีอายุไม่เกิน 7 ปี ซึ่งข้อนี้ลูกค้าได้เห็นเอง จากการใช้บริการ และทำให้จนถึงปัจจุบันมียอดผู้โดยสารที่ใช้บริการมากขึ้นเรื่อย ๆ นับเบื้องต้นขณะนี้กว่า 1 ล้าน 5 แสนคนแล้ว โดยตัวเลขนี้ 98% ยังย้ำ มีความมั่นใจที่จะเลือกใช้บริการของ Vecabo ต่อไปทั้งวันนี้และอนาคต

ถือเป็น ‘รางวัลใหญ่’ ของ 3 ผู้บริหาร ที่กล่าวย้ำ ไม่มีรางวัลใด มีความสุขได้เท่ารอยยิ้มของผู้โดยสาร สมดังความตั้งใจ ใช้มาตรฐานที่สร้าง “ทำทุกวินาทีให้ผู้โดยสาร มีความสุขระหว่างทางให้มากที่สุด” เพื่อเป็นก้าวแรกในการส่งผู้โดยสาร ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเดินทางครั้งนั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ช่องทางการติดต่อ

Vecabo: https://www.vecabo.com/th และ https://www.facebook.com/vecabotrans

บทความนี้อยู่ภายใต้โครงการ Startup Thailand Connext สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Related Posts

Cover

Talk to PEACH พื้นที่คุยเรื่องเพศ ไม่เห็นหน้า

Talk to PEACH พื้นที่คุยเรื่องเพศ ไม่เห็นหน้า

• Talk to PEACH แอปฯ ปลดทุกข์ ทุกปัญหาเรื่องเพศ เพื่อคนทุกวัยปลดปล่อยและแก้ปัญหา
• ชี้จุดเด่น เป็นการปรึกษาออนไลน์ ไม่เปิดเผยตัวตนคนถาม
• ปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทุกขณะ ผู้ปรึกษามีทั้ง วัยรุ่น วัยเจริญพันธุ์ และ LGBTQ+

เซ็กซ์ – เรื่องทางเพศ เป็นความคลาสสิคทางใจอย่างหนึ่ง หลายคนมีความสุขกับเซ็กซ์ แต่อีกด้านเซ็กซ์ก็ให้ทุกข์ได้เหมือนกัน!!! อะไรทำให้เป็นเช่นนั้น ?? คำตอบอยู่ที่ข้อเท็จจริง ซึ่งชี้ว่า แม้เซ็กซ์จะเป็นเรื่องเปิดเผยได้แล้วในสังคมไทย แต่เซ็กซ์ของแต่ละคนก็จะยังมีมุมลับๆ ในมิติที่แตกต่าง นั่นจึงเป็นประเด็นปัญหาว่า เมื่อฉันมีปัญหาด้านนี้แล้ว ฉันจะไปปรึกษาใคร? … ถามเพื่อนคนหนึ่ง เพื่อนอาจตอบว่า ‘ได้สิ’ ฉันจะให้คำแนะนำเธอเอง แต่แล้วคำตอบที่ได้ จะตรงใจไหม??? ไม่มีใครยืนยันได้ ว่านั่น คือ แนวทางที่ถูกต้อง เพราะนั่นเป็นประสบการณ์นึกคิด ของผู้ถูกถามเพียงคนหนึ่ง และหากเอาปัญหาเดียวกันนี้ไปถามอีกคน ก็อาจจะได้คำตอบที่ต่างไปอีก ดังนั้น เรื่องเพศ จึงควรจะถามให้ถูกที่ถูกทาง และเป็นจุดก่อกำเนิดก่อเกิด ‘Talk to PEACH’ พื้นที่ให้ปรึกษาปัญหาทางเพศ ให้ทุกคน

ทำความรู้จัก Talk to PEACH

หลายคน คงเคยได้ยินชื่อ Talk to PEACH (ทอล์ค ทู พีซ) กันมาบ้างแล้ว แต่จะขอแนะนำอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ว่า Talk to PEACH เป็นแพลตฟอร์มที่ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพทางเพศ ครอบคลุมบริการตั้งแต่การปรึกษากับแพทย์และนักเพศวิทยา และบริการการรักษาที่ Peach Clinic มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมสุขภาพทางเพศอย่างครอบคลุมและเข้าถึงได้ โดยผู้เข้ารับคำปรึกษาไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนใดๆ เพราะที่นี่พื้นที่ปลอดภัยอย่างแท้จริงสำหรับทุกคนที่อยากคุยเรื่องนี้

เหวิน – ชวิศา เฉิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งฯ Talk to PEACH เผยว่าป็นผู้เข้ามาในวงการนี้แบบไม่ได้เฉพาะเจาะจงที่จะพุ่งเป้ามาตรงๆ หากแต่จะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ ได้ทำแบรนด์ผ้าอนามัยออร์แกนิกมาก่อน ระหว่างนั้นก็ได้รับคำถามมากมาย ที่ล้วนเป็นคำถามเกี่ยวเนื่องทั้งเรื่องการใช้ผ้าอนามัย เรื่องเพศ และสุขภาวะทางเพศ แต่ความรู้สึกส่วนตัวขณะนั้น ยังตอบไม่ดี ไม่มั่นใจ ถามตัวเองว่าเราเป็นใครมาตอบเรื่องนี้ อยากรับผิดชอบในคำตอบ… คิดดังนี้แล้ว เธอตัดสินใจสร้างตัวตนเป็นคนจริงในวงการ ด้วยการลงเรียนเพื่อเป็น ‘นักเพศวิทยาคลินิก’ หรือ sexologist ที่คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ซึ่งจุดเริ่มต้น Talk To PEACH เริ่มที่ตรงนี้ หลังได้เจอกับกลุ่มสตาร์ทอัพ และชักชวนกันมาร่วมสร้าง Talk to PEACH ขึ้น จากนั้นเป็นต้นมา Talk to PEACH มีผู้ให้คำปรึกษา 12 คน โดยมีทั้งนักเพศวิทยา (ที่เรียนอยู่ด้วยกัน) กับหมอสูตินรีเวช คอยให้คำปรึกษาทางออนไลน์ ครอบคลุมทุกปัญหาเรื่องเซ็กซ์และสุขภาพเพศทุกเรื่อง

พอทำแล้วก็รู้ว่า มีอะไรในเรื่องเพศนี้มากมาย ผู้มีปัญหาอยากหาคำตอบเป็นคนทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่ผู้หญิงและผู้ชายอายุ 12-60 ปี, คู่รักหรือคู่สมรส, คนไทยในต่างประเทศ และรวมถึงชุมชน LGBTQ+ เรียกได้ว่า ตอบโจทย์บริการสุขภาพได้ตรงจุด เพราะการคุยเรื่องทางเพศที่ไม่เปิดเผยตัวตนนั้น ลดความอาย และความกังวลในการปรึกษาปัญหาทางเพศได้มาก ซึ่งถ้าหากปัญหานั้น ลุกลามเข้าไปถึงการต้องตรวจวินิจฉัยสุขภาพร่างกาย ก็ยังมีคลินิกรองรับด้วย เรียกได้ว่า จบแทบทุกปัญหา ที่ Talk to PEACH

รื่องเพศ ส่วนใหญ่เขาถามอะไรกัน?

สำหรับปัญหาทางเพศ ที่ Talk to PEACH เคยได้รับคำถามนั้น กว้างมาก หลายคนกังวลเรื่องตั้งครรภ์ ก็จะถามว่า ‘หนูจะท้องไหม?’ ซึ่งตั้งแต่ยังไม่มี Talk To PEACH กูเกิลก็รับบทบาทนี้ไป แต่ว่าพี่กูเกิล ก็ตอบได้ไม่ชัดเป๊ะ เพราะกูเกิล ไม่ได้รู้ปัญหาที่แท้จริงของคนถาม แต่กูเกิลจะถูกป้อนข้อมูลเรื่องนี้ ซึ่งอาจอยู่ในมิติที่ต่างกัน ดังนั้น เมื่อได้รับข้อมูลส่วนนั้นแล้ว ผู้ป้อนคำถาม ยังต้องเอาข้อมูลที่เสิร์ชได้ มาประมวลผลด้วยตัวเอง ตามปัจจัยแวดล้อมส่วนตัว ทั้งข้อมูลรอบเดือน, ฮอร์โมนแต่ละคนที่ไม่ตรงกัน, ปัญหาสรีระ ฯลฯ ที่พอไม่เหมือนกัน ข้อมูลก็จะคลาดเคลื่อนตามไปด้วย

แต่ถ้าได้มาคุยกับ sexologist เขาก็จะซักเลย ว่าประจำเดือนมายังไง ได้กินยาคุมไหม ตอนใส่ถุงยางเป็นยังไง มีการใส่ถุงยางที่ถูกต้องไหม หรือว่ามีพฤติกรรมอื่นๆ อีกไหม ที่สามารถนำมาประกอบควบคู่เพื่อที่จะตอบโจทย์ว่า คำถามที่เค้าถาม ‘หนูจะท้องไหม?’ เป็นเรื่องของเขาโดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมีคำถามอื่น เช่น การแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย ซึ่งถือได้ว่า เป็นเรื่องของอายุเป็นสำคัญ เด็กมากหรือแก่มาก ก็มักมีปัญหานี้, ปัญหาด้านจิตใจ-ความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ และรวมถึง อารมณ์-ความต้องการทางเพศ ที่มีหลายมิติ เช่น ความไม่เท่ากันระหว่างคู่รัก หรือปัญหาด้านสุขภาพที่มารวมในข้อนี้ก็มีได้เช่นกัน การต้องคุยกัน ต้องเริ่มจากตรงไหน เป็นต้น

หลากปัญหาเหล่านี้ หากจะนับรวมเคสที่มาปรึกษาพูดคุยแล้ว ก็สรุปรวมได้ว่า Talk to PEACH ดำเนินการช่วยคัดกรองและแก้ไขปัญหาทางเพศไปแล้วกว่า 3,000 เคส ทั้งยังมีการเติบโตของผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง มีการขยายบริการไปยังพื้นที่ใหม่ เพิ่มบริการใหม่ๆ เช่น Tiny PEACH การเก็บตัวอย่างและวินิจฉัยโรคที่คลินิกขนาดเล็ก และ PEACH Clinic เพื่อสร้างประสบการณ์การดูแลสุขภาพทางเพศที่ครบวงจร โดยแผนในอนาคต จะมีการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย

Talk to PEACH ถือเป็น Health Tech ที่พกความรู้มาเต็มกระเป๋าตั้งแต่ต้น ได้รับการสนับสนุนจาก TED Fund ในการพัฒนาแพลตฟอร์มและขยายบริการเพื่อตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพทางเพศของคนไทยอย่างครอบคลุม ถือเป็นสตาร์ทอัพ ที่คิดธุรกิจมาเพื่อตอบโจทย์ช่วยคนสังคมมีทางออก ในเรื่องที่หาพื้นที่ปรึกษาได้ยาก ทั้งยังเตรียมขยายการช่วยเหลือต่อเนื่อง นี่แหละ สตาร์ทอัพคนไทยที่เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก

ช่องทางการติดต่อ 

Talk to PEACH: https://talktopeach.com/ และ https://www.facebook.com/talktopeach

บทความนี้อยู่ภายใต้โครงการ Startup Thailand Connext สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Related Posts

Findice

FINDICE Education บอร์ดเกมการเงิน พาเกมส์ชีวิต ‘แกร่ง’

FINDICE Education บอร์ดเกมการเงิน พาเกม??ชีวิต ‘แกร่ง’

• สตาร์ทอัพไทย เก่ง คิดบอร์ดเกมเสริมทักษะการเงิน ปลูกฝังเยาวชน ตั้งแต่ 10 ขวบอัพ
• เผยแนวคิด เพราะต้องการร่วมแก้ปัญหา ‘คนไทยไร้เงินออม’
• ตอกย้ำจุดเด่น เป็นเกมการเงินที่เข้าถึงได้ง่าย เล่นได้ทั้งครอบครัว สนุกสนาน คลายเครียด มีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต ‘ระยะยาว’

อิทธิพลของ ‘เกม’ สามารถสร้างจินตนาการไกล เกม ไม่ใช่เรื่อง ‘แค่สนุก’ หากพ่อแม่ผู้ปกครอง ‘รู้จักเลือก’ เกม เป็นทักษะพื้นฐาน สามารถพัฒนาความคิดได้อย่างเป็นระบบ

รู้ไหมว่า ‘ทฤษฎีเกม’ เกิดขึ้น ระหว่างปี 1871-1956 โดยกว่าจะเกิดขึ้นมาได้ เป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ … ผู้ริเริ่มก่อกำเนิด เป็นนักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสชื่อ Émile Borel ซึ่งริเริ่มเปิดตัวทฤษฎีมาในช่วงปี 1871 แต่ยุคนั้นสมัยนั้น ‘ไม่มีใครเชื่อ’ … ต่อมาในปี 1926 John von Neumann (1903-1957) ได้เสนอทฤษฎี minimax ที่ใช้เป็นรากฐานของวิทยาการเรื่องทฤษฎีเกม … ณ จุดนั้น ก็ยัง ‘ไม่มีใครใส่ใจเหลียวแล’ อีก หลายคนยังคงคิดว่า “เกม เป็นเรื่องคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ ที่ใช้คิดเล่นสนุกๆ หาประโยชน์ใดๆ มิได้เลย” 

แต่ von Neumann ไม่ยอมแพ้…และได้ทำการเรียบเรียงตำราคลาสสิก ขึ้นในปี 1944 ชื่อว่า “Theory of Games and Economic Behavior” หรือ ทฤษฎีของเกมและพฤติกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเขียนร่วมกับ Oskar Morgenstern (1902–1977) และมหาวิทยาลัย Princeton แล้วนำออกตีพิมพ์เผยแพร่ วงการเศรษฐศาสตร์จึงเริ่มตื่นตัวในปีนี้นี่เอง พร้อมกับตระหนักในความสำคัญของตำรานี้ ถึงกับได้ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ The New York Times จากนั้นทฤษฎีเกมก็ได้รับการพัฒนาต่อ เพราะต้องอาศัยความรู้ด้านพีชคณิต เรขาคณิต ทฤษฎี set และ topology เข้ามาช่วยด้วย เพื่อนำมาใช้ในการแข่งขันเอาชนะกันในด้านธุรกิจ สงคราม การเมือง เศรษฐศาสตร์ รวมถึงชีววิทยาเชิงวิวัฒนาการ และใช้ในการวิเคราะห์สังคมความเป็นอยู่ของสัตว์และแบคทีเรีย ฯลฯ 

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ก็พอสรุปได้ว่า ‘เกม’ มีความสำคัญในหลากมิติ  โดยเฉพาะเมื่อต้องจำลองสังคมใดสังคมหนึ่ง บนโลกใบนี้ (เพื่อการทดลอง หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น) ที่มนุษย์อยากรู้ ซึ่งมันก็คือ เกมๆ หนึ่ง นั่นเอง…นี่แหละ ความยิ่งใหญ่ในซอกมุมเล็กๆ ที่หลายคนอาจรู้แล้ว และอีกหลายคน อาจ ยังไม่เคยรู้มาก่อน!!!

เกม กับการเสริมแกร่งทักษะชีวิต

ว่ามาดังนี้แล้ว ก็อยากกล่าวถึง ‘เกมในประเทศไทย’ โดยสตาร์ทอัพไทย กันบ้าง…ต้องบอกว่า สตาร์ทอัพไทย ก็เก่งไม่แพ้ใคร เพราะล่าสุด สตาร์ทอัพไทย ชื่อ Findice Education สร้างผลงานต่อยอดธุรกิจ บอร์ดเกมเสริมทักษะการเงินให้เยาวชน นับเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงก็ว่าได้ เพราะสามารถช่วยแก้ปัญหา การไม่มีเงินออม ลดความเหลื่อมล้ำ ด้วยการฝึกทักษะการเงินจากบอร์ดเกมตั้งแต่เยาว์วัย นั่นเอง

บอร์ดเกมนี้ พัฒนาโดย กาญจนา อ๊อดทรัพย์ นักวางแผนการเงิน (CFP) ที่มีประสบการณ์ในสายธนาคารมากว่า 10 ปี พ่วงตำแหน่งสำคัญ คือยังเป็น ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท ฟินไดซ์ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด โดยการต่อยอด ‘ธุรกิจบอร์ดเกม’ เพื่อเสริมทักษะการเงิน (Financial Boardgame) ให้เยาวชนนี้ ก็ด้วยวัตถุประสงค์หลัก เพราะอยากช่วยปลูกฝังความรู้ด้านวางแผนการเงินให้กับเด็กๆ และคนไทย โดยจะย่อยเรื่องการเงินออกมาเป็นเกมต่างๆ เมนหลักคือการให้ความรู้เรื่องหนี้ การตัดสินใจซื้อ เงินสำรองฉุกเฉิน เป็นต้น นี่จึงเป็นการฝึกพัฒนาการทางความคิดตั้งแต่วัยเด็ก เน้นการเรียนรู้ผ่านเกมการเงินที่สุกแล้ว เป็นอีกก้าวที่ช่วยเสริมทักษะคณิตศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์ ได้อย่างสอดคล้อง เมื่อประกอบเข้ากับการเล่นอย่างมีความสุข ผู้เล่น จึงสามารถปรับประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันได้อย่างไม่ยาก โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 5 เกม ประกอบด้วย

1. เกมรู้หน้าไม่รู้หนี้ : Calculate Your Net Worth
2. เกมซื้อฉันเถอะ : Shop Me Please
3. เกมมีฉันไว้อุ่นใจนะ : Risky Lossy
4. เกมหุ้นซิ่ง วิ่งทะลุกระดาน : Trader Hunter
5. เกมแลกไปแลกมา : Trade In Trade Out

ทั้งนี้ เมื่อมีผลงานออกตลาด ก็ได้รับความสนใจมากๆ มีเสียงปรบมือรัวๆ จากพ่อแม่ผู้ปกครองมากมาย แทบ 100% บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นเกมที่สนุก เล่นได้ทั้งครอบครัว มีข้อแม้นิดเดียวว่า เด็กๆ ที่เล่นจะต้องโตสักนิด เพราะอย่างในครอบครัวหนึ่ง ระบุว่า มีลูก 2 คน แต่ระหว่างที่พี่คนโต เล่นกับคุณพ่อคุณแม่อย่างสนุกสนานนั้น หันไปเจอน้อง ทำคิ้วชนกัน ใบหน้าไม่พอใจสุดเหวี่ยง เนื่องจากอยากสนุกด้วย แต่ก็ฟังเขาไม่รู้เรื่อง…ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะเกมนี้ถูกระบุตั้งแต่ต้น ว่าเหมาะสมกับเด็กอายุ 10 ปีขึ้นไป ซึ่งจะเข้าใจได้ง่าย แม้ไม่มีพื้นฐานการเงินมาก่อน ส่วนหนูน้อยรายนั้น อายุยังน้อยเกินกว่าจะเข้าใจ อดใจรอหนูโตกว่านี้อีกสักนิด ได้เข้าใจแน่นอน

ปัจจุบันมีการพัฒนาแอปพลิเคชัน Findice สำหรับเล่นคู่กับบอร์ดเกม และยังเล่นพร้อมกันเป็นกลุ่ม ในอนาคตมีแผนขยายฐานลูกค้า B2B โดยเจาะกลุ่มไปที่สถาบันการศึกษาเป็นหลัก

ถือได้ว่า เป็นความฉลาดของสตาร์ทอัพ ที่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เพราะตอบโจทย์สังคม แก้ปัญหาการไม่มีเงินออมในคนไทย ปลูกฝังนิสัยการวางแผนการเงิน พร้อมพัฒนาต่อยอดได้ถึงการทำธุรกิจได้เป็นอย่างดี

Findice กับเป้าหมาย การเงินคนไทย ‘ลดเหลื่อมล้ำ’

ฟินไดซ์ ได้รับการสนับสนุนภายใต้อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) มีวัตถุประสงค์ในการแก้ไขปัญหาทางด้านการเงิน โดยการพัฒนาเครื่องมือในการให้ความรู้ทางการเงิน ตั้งแต่เด็กวัยเรียน คือ คอร์สการเงินสำหรับเด็ก, การ์ดเกม และบอร์ดเกมการเงิน ที่มีความสนุก เข้าใจง่าย และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ในชีวิตประจำวัน ฟินไดซ์ มีเป้าหมายสูงสุด คือ ต้องการส่งเสริมให้คนไทยมีความรู้ทางการเงิน สร้างสังคมที่น่าอยู่ ปลอดภัย ลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างยั่งยืน

ปัจจุบันบริการของ Findice Education ไม่ได้มีเฉพาะบอร์ดเกมเสริมทักษะการเงินเท่านั้น แต่ยังมีคอร์สเสริมทักษะการเงินสำหรับเด็กอายุ 10-18 ปี และกิจกรรมเสริมทักษะการเงิน อีกด้วย

นี่แหละ ความเก่งของสตาร์ทอัพไทย ขอปรบมือรัว อีกครั้ง !!!

ทิ้งท้ายไว้ว่า Findice เป็นเกมที่ทุกบ้าน ควรมี !!! เพราะทุกคน (ตั้งแต่เด็ก 10 ขวบขึ้นไป) เข้าถึงง่าย เป็นกิจกรรมสนุก คลายเครียด มีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต ‘ระยะยาว’

ช่องทางการติดต่อ 

Findice Education: https://www.findice.biz/

บทความนี้อยู่ภายใต้โครงการ Startup Thailand Connext สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Related Posts

ภาพสินค้า

รู้ไหม? นวัตกรรม ‘รังไหม’ ช่วยวงการแพทย์ – อุตสาหกรรม ต่อยอด

รู้ไหม? นวัตกรรม ‘รังไหม’ ช่วยวงการแพทย์ – อุตสาหกรรม ต่อยอด

• Engine Life บริษัทสตาร์ทอัพไทย โชว์แรงหนุน NIA โครงการแผ่นแปะโปรตีนไหมไทย ควบคุมการปลดปล่อยสารสกัดจากกัญชงผ่านผิวหนัง
• ล่าสุด ยังจัดทำผลิตภัณฑ์ ‘SilkLife’ วัตถุดิบทางการแพทย์ เพื่อวงการแพทย์-อุตสาหกรรม ต่อยอดผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ และสุขภาพ

เทคโนโลยี-นวัตกรรม นำมาซึ่งความก้าวหน้า ‘ผู้ทำ-เจ้าของนวัตกรรม’ ไม่ได้แค่ผลงานทางวิชาการ แต่ยังเป็นความภาคภูมิใจ หลังผลงานนั้น ‘ใช้ได้จริง’ ลงจากหิ้งไปอยู่ห้างเรียบร้อย และกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้คนได้อย่างกว้างขวาง

วันนี้ขอกล่าวถึง นวัตกรรม ‘ไหมไทย’ … ที่นับวัน ยิ่งเห็นการต่อยอด โดยเฉพาะเมื่อสกัดออกมาเป็นโปรตีนชนิดที่เรียกว่า ‘ไฟโบรอิน’ (Fibroin) โดยปี 2566 เราได้เห็นผลิตภัณฑ์ ‘นวัตกรรมแผ่นแปะ Keep On Sleep’ สารสกัดจากกัญชง (CBD) ช่วยให้นอนหลับอย่างมีคุณภาพและหลับลึกตลอดคืน พัฒนาโดย Engine Life บริษัทสตาร์ทอัพของคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรมหาวิทยาลัย ภายใต้การบ่มเพาะของ CU Innovation Hub จากทีมวิจัยนำโดย รศ.ดร.จุฑามาศ รัตนวราภรณ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ

สำหรับ Keep On Sleep เป็นแผ่นแปะชนิด Transdermal Delivery เป็นการนำนวัตกรรม ‘โปรตีนไฟโบรอิน’ มาห่อหุ้มสาร CBD เป็น CBD Nano capsules ทำให้ในผลิตภัณฑ์ Keep On Sleep สามารถผลักสาร CBD เข้าสู่ผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปริมาณที่สม่ำเสมอตลอดคืนที่แปะแผ่นชนิดนี้ เนื่องจากสาร CBD มีคุณสมบัติที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย การแปะแผ่น Keep On Sleep จึงช่วยให้ผู้ใช้นอนหลับได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น และช่วยให้หลับลึกตลอดคืน

นี่เป็นเพียงแค่ 1 ผลิตภัณฑ์ แต่ รู้หรือไม่? ‘โปรตีนไฟโบรอิน’ ยังต่อยอดผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย!!! จากคุณสมบัติที่มี ทั้ง…

  1. ความเข้ากันได้ทางชีวภาพ (Biocompatibility)  ไฟโบรอินมีความเข้ากันได้ทางชีวภาพสูง ทำให้ไม่ก่อให้เกิดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน เมื่อถูกนำเข้าไปในร่างกายมนุษย์
  2. ความแข็งแรงและความยืดหยุ่น (Strength and Flexibility) ไฟโบรอินมีความแข็งแรงและความยืดหยุ่นสูง ทำให้เหมาะสำหรับการใช้ในโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงทางกายภาพ
  3. การสลายตัวได้ทางชีวภาพ (Biodegradability)  ไฟโบรอินสามารถสลายตัวได้ในร่างกายมนุษย์ โดยไม่ก่อให้เกิดสารพิษ ทำให้เป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับการปลูกถ่ายและการใช้งานทางการแพทย์

คุณสมบัติทั้งหมดนี้ ก็เป็นที่มาให้ทางการแพทย์นำไปประยุกต์ใช้ ทั้งในการรักษาบาดแผล, การสร้างเนื้อเยื่อ, การปลูกถ่ายอวัยวะเทียม และระบบการนำส่งยา ซึ่งไฟโบรอินสามารถใช้ในการสร้างระบบนำส่งยาที่ควบคุมการปล่อยยาในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ ดังเช่นที่กล่าวถึงผลิตภัณฑ์ Keep On Sleep ช่วยหลับอย่างมีคุณภาพตลอดทั้งคืนนั่นเอง

ข้อดีของ ‘ไฟโบรอิน’

ไฟโบรอิน – ไม่เป็นพิษ ปลอดภัยสำหรับการใช้งานในร่างกายมนุษย์
ไฟโบรอิน – ความยืดหยุ่นในการใช้งาน สามารถปรับปรุงและดัดแปลงคุณสมบัติเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกัน
ไฟโบรอิน – มีประสิทธิภาพในการสมานแผล ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์และการสมานแผลอย่างรวดเร็ว
ไฟโบรอิน – เป็นวัสดุที่มีศักยภาพสูง ในด้านการแพทย์และวิศวกรรมชีวภาพ เนื่องจากคุณสมบัติทางชีวภาพที่ยอดเยี่ยมและความสามารถในการปรับปรุงเพื่อใช้ในงานที่หลากหลาย

จาก ‘ไฟโบรอินไหม’ สู่ผลิตภัณฑ์ Silklife

การเปลี่ยนจากโปรตีนไฟโบรอินสู่ผลิตภัณฑ์ SilkLife เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมชีวการแพทย์ รวมถึงการทดสอบและการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในทางการแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ข้อนี้ รศ. ดร.จุฑามาศ รัตนวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้งบริษัท เจ้าของงานวิจัยจากการสกัดโปรตีนของไหมไทย เผย นักวิจัยและวิศวกรชีวการแพทย์ ทำการวิจัยและทดลองเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ใช้ไฟโบรอินเป็นส่วนประกอบหลัก โดยคำนึงถึงความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และการใช้งานในทางการแพทย์ มีการทดสอบทางคลินิกอย่างเข้มงวด เพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งานทางการแพทย์อย่างครบถ้วน จนขณะนี้ผลิตภัณฑ์ SilkLife จัดเป็นวัตถุดิบทางการแพทย์ที่สามารถนำไปใช้ผลิตยา หรือวัคซีนได้ โดยเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตชีววัสดุเกรดการแพทย์ ที่ประยุกต์ใช้เป็นระบบนำส่งยาและสารออกฤทธิ์ เพื่อเป็นวิธีการรักษาโรครูปแบบใหม่ เป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่ยังไม่มีมาก่อน เป็นโอกาสการเติบโตในหลายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง

Silklife ทำอะไรได้บ้าง?

ว่าแล้วก็พาไปตัวตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ Silklife ได้แก่
วัสดุปิดแผล (Wound Dressings) ใช้ไฟโบรอินในการผลิตวัสดุปิดแผลที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสมานแผลและลดการติดเชื้อ
การปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ (Tissue Scaffolds) ใช้ไฟโบรอินในการสร้างโครงร่างที่ช่วยให้เซลล์เนื้อเยื่อสามารถเจริญเติบโตและฟื้นฟูได้
ระบบนำส่งยา (Drug Delivery Systems) ใช้ไฟโบรอินในการผลิตไมโครและนาโนพาร์ติเคิลที่สามารถควบคุมการปล่อยยาในร่างกาย

Silklife โดดเด่นอย่างไร

หากจะบอกกล่าวผู้เกี่ยวข้อง ที่ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาล บริษัทยา หรือผู้ผลิตอาหารเสริม และหรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ก็อยากบอกว่า SilkLife มีประโยชน์หลากหลายมาก
SilkLife ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาโรค ลดความถี่ในการใช้ยา และปริมาณโดสยา ซึ่งจะช่วยลดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ของการใช้ยา ทำให้ผู้ป่วยสะดวก และได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณลักษณะเด่นของผลงานนวัตกรรม
SilkLife จัดเป็นชีววัสดุจากธรรมชาติที่ได้จากกระบวนการที่ผ่านมาตรฐานตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
SilkLife สามารถนำมาปรับสูตร ขึ้นรูปเป็นรูปแบบต่างๆ ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไฮโดรเจลชนิดฉีดได้ แผ่นแปะนำส่งสารผ่านผิวหนัง อนุภาคไมโคร/นาโน โครงเนื้อเยื่อสามมิติ และสามารถนำไปผสมเพื่อนำส่งยาได้หลากหลายชนิด ทั้งยาที่ละลายน้ำ ยาไม่ละลายน้ำ สารสกัดสมุนไพร โดย SilkLife มี database ของสูตรการผสมกับยา ที่ช่วยให้พัฒนาสูตรร่วมกับยาต่างๆได้ง่ายและตรงความต้องการของลูกค้า
SilkLife นับเป็นเทคโนโลยีที่ปฏิวัติการใช้ไหมไทยในอุตสาหกรรมสิ่งทอ สู่การเป็นชีววัสดุทางการแพทย์ ที่สามารถผลิตได้ภายในประเทศ

รู้ดังนี้แล้ว ไม่ต้องรอช้า เพราะในท่ามกลางที่ภาคธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม ต่างชิงไหวชิงพริบ สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือปรับแต่งของเดิมที่มีอยู่ ก็สามารถนำผลิตภัณฑ์ SilkLife ไปเสริมพลังต่อยอดกันได้ โดย SilkLife จัดเป็นตัวอย่างที่ดีของศักยภาพของวัสดุชีวภาพธรรมชาติในการปฏิวัติอุตสาหกรรมการแพทย์ ด้วยการใช้คุณสมบัติพิเศษของโปรตีนไฟโบรอิน นอกจากนี้ SilkLife ยังจัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์โซลูชั่นปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน ทั้งในด้านการรักษาบาดแผล วิศวกรรมเนื้อเยื่อ และระบบนำส่งยา ซึ่งไม่เพียงตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดการแพทย์เท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการปฏิบัติที่ยั่งยืนและการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกหลากมิติด้วย

ช่องทางการติดต่อ Enginelife: https://www.enginelife.co.th
บทความนี้อยู่ภายใต้โครงการ Startup Thailand Connext สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Related Posts

cover

Carsub แพลตฟอร์มตัวช่วย ‘ค้นหาอู่ซ่อมรถ’ สุดง่าย

Carsub แพลตฟอร์มตัวช่วย ‘ค้นหาอู่ซ่อมรถ’ สุดง่าย

• Carsub จะฉุกเฉิน หรือแค่ซ่อม ก็เป็นเลขาสุดน่ารัก
• ช่วยจัดการทุกปัญหาให้รถยนต์คันโปรด
• ทำความรู้จักการทำงาน ที่ช่วยสร้างความอุ่นใจให้รถคุณ

โลกของการเดินทาง ไม่ได้ Flow ไปทุกที่ เมื่อไหร่ที่คุณเดินทางแล้ว ‘รถยนต์…มีปัญหา’แน่นอน ความว้าวุ่นใจ-สติแตก เกิดขึ้นได้ จะมองหาคนช่วยเหลือก็ไม่ง่ายเสมอไป แต่ถ้าเมื่อไหร่ คุณรู้จัก Carsub (คาร์ซัพ) คุณจะรู้ว่า คุณมีเลขาคนสำคัญเคียงข้างรถยนต์คันโปรดบอกคุณได้ว่า ปัญหานั้นๆ แก้ได้ที่ไหน-อย่างไร?

แน่นอน สิ่งที่กำลังพูดถึงนี้ คือ แอปพลิเคชัน ชื่อ Carsub ทำหน้าที่เป็นเลขา ซัพพอร์ตให้เจ้าของรถยนต์ ได้เจอกับอู่ซ่อมรถที่ตรงตามความต้องการของคุณจริงๆ โดยที่การทำงานของแอปฯ จะทำหน้าที่เป็น‘ศูนย์รวบรวมอู่ซ่อมรถและให้คำปรึกษาเรื่องรถ’ โดยเป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยใหเ้จ้าของรถยนต์ทุกท่านสามารถค้นหา และจองบริการ กับอู่ซ่อมรถที่ตรงกับความต้องการจริงๆ  

ทำไม Carsub จึงเป็นเลขารู้ใจ

เพราะ Carsub สร้าง Intelligence Search Tools ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถกรอง และค้นหาอู่ที่ตรงกับปัจจัยความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นด้านราคา, สถานที่, ความเชี่ยวชาญ, ความน่าเชื่อถือ และอีกหลากเรื่องของรถ เท่าที่ลูกค้าจะกรอกข้อความปัญหาเข้าไปได้ แพลตฟอร์มนี้ยังรองรับถึงการติดตามสถานะการซ่อม และการจ่ายเงินผ่านแพลตฟอร์มได้อีกด้วย โดยในทุกๆการซ่อมข้อมูลและรายละเอียดการซ่อมต่างๆ จะถูกเก็บข้อมูลและทําออกมาเป็นรูปแบบ E-Bill ซึ่งลูกค้าสามารถเรียกย้อนดูภายหลัง ในแพลตฟอร์มนี้ได้ ถือเป็น 1 ในสุดยอดนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ปัญหาเรื่องรถ เป็นอย่างดี เล่ามาดังนี้แล้ว คงอยากรู้จักว่า เจ้าของผู้สร้างนวัตกรรมนี้ เป็นใคร

ถอดรหัส Carsub คือใคร

แพลตฟอร์ม Carsub แอปพลิเคชัน ช่วยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแล รถยนต์แบบครบวงจร นี้ เกิดขึ้นจากการร่วมคิดร่วมสร้างของนิสิต สถาบันนวัตกรรมบูรณาการแห่งจุฬาฯ (BAScii) และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ หลักสูตรนานาชาติ (ISE) ตั้งทีม Carsub เพื่อร่วมแข่งขัน STARTUP THAILAND LEAGUE 2022 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว งานนี้จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ที่ขณะนั้น ทำการเฟ้นหาสุดยอดสตาร์ทอัพระดับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศไทย และทีม Carsub คือ ผู้ชนะเลิศการแข่งขัน STARTUP THAILAND LEAGUE 2022 ในระดับภาคกลางและตะวันออก ซึ่งนำเสนอแผนงานธุรกิจ และไอเดียนวัตกรรมพัฒนาธุรกิจแบบใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและสังคมได้เป็นอย่างดี เป็นสุดยอด STARTUP ระดับภาค ณ ขณะนั้น ก่อนที่ในวันนี้ จะสร้างสรรค์นวัตกรรมเลขา ช่วยค้นหาอู่ซ่อม เป็นเพื่อนคู่คิดเรื่องรถให้ทุกคน

 

ชุณหกาญ เสมาทัต CEO & Co founder คาร์ซัพ เผยแรงบันดาลใจในการสร้างแพลตฟอร์มซึ่งเป็นศูนย์รวมอู่ซ่อมรถว่า เกิดจาก 2 เหตุผล คือ 1. ที่บ้านทำงานในอุตสาหกรรมรถยนต์มือสองมานานกว่า 20 ปี ทำให้มี network ที่ดีและมีคุณภาพคอยช่วยเหลือ และ 2. ก่อนหน้านี้ ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์มือสองมานานกว่า 4 ปีแล้ว ทำให้สามารถเข้าถึงเเหล่งของดีราคาไม่แพงได้ ซึ่งกล่าวได้ว่า เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งในวงการก็ว่าได้

ขณะที่วงการรถยนต์ในประเทศปัจจุบัน แม้จะมีก้าวใหม่ พาประเทศสู่อุตสาหกรรมยานยนต์-อากาศยานรักษ์โลก ปรับตัวสู่เส้นทาง Net Zero ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มากขึ้น แต่จำนวนรถยนต์มือสองก็ยังมีมากขึ้นทุกขณะ ตรงกับเป้าหมายธุรกิจ ที่พุ่งเป้าสู่เจ้าของรถยนต์ที่ครอบครองรถยนต์อายุเกิน 5 ปี ที่ส่วนใหญ่ประมาณเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ มีโอกาสเลือกใช้บริการอู่ซ่อมรถมากที่สุด ซึ่งสำหรับคาร์ซัพ เลือกที่จะให้มาตรฐานที่ดี ตรงตามความต้องการ เรียกความเชื่อมั่นเชื่อถือระยะยาว

“ที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสจับมือกับ บริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์มือสอง รวมไปถึง ชมรมรถยนต์มือสองต่างๆ ทำให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นบุคคลที่มีโอกาสใช้บริการอู่ซ่อมรถเป็นจำนวนมาก และต่อจากนี้เรามีแผนที่จะจับมือกับบริษัทเหล่านี้มากขึ้น รวมไปถึง สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วแห่งประเทศไทย รวมไปถึงตลาด EV ที่กำลังเติบโต ที่เรายังมองเห็นถึงตลาดที่เราสามารถเข้าไปดึงส่วนแบ่งได้” ชุณหกาญ เสมาทัต CEO & Co founder คาร์ซัพ กล่าว

ผลสัมฤทธิ์-นวัตกรรมใช้ได้จริง

Carsub รู้ดีว่า ปัจจุบันการค้นหาอู่ซ่อมรถเป็นเรื่องจุกจิกกวนใจ ไว้วางใจได้ยาก ปัญหาส่วนใหญ่คือ ซ่อมไปแล้ว แต่ยังมีปัญหาอื่นตามมาให้ต้องกลับไปซ่อมอีกทำให้เสียเวลา ดังนั้น เมื่ออู่ที่ดีมีมาตรฐานมารวมอยู่ในแพลตฟอร์มคาร์ซัพ ก็ไม่มีเหตุผลที่คนอยากได้มาตรฐานที่ดี จะไม่เข้ามาใช้บริการ เพราะไม่ว่ารถของคุณจะเกิดปัญหาในยามฉุกเฉิน หรือไม่ได้ฉุกเฉิน คาร์ซัพก็ช่วยคุณจัดการทุกปัญหารถได้โดยง่าย จัดเป็นนวัตกรรมที่ใช้ได้จริง ตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการ ช่วยให้เจ้าของรถได้เลือกสิ่งที่เหมาะสมและดีที่สุด สำหรับการซ่อม-บำรุงรักษารถแต่ละครั้งได้อย่างยอดเยี่ยม

เชื่อว่า Carsub สุดยอดนวัตกรรมด้าน ‘อู่ซ่อม’ จะเป็นที่นิยมของคนไทยมากขึ้น ด้วยเพราะมาตรฐานและความชัดเจน ในหลายประเด็น โดยนอกเหนือจาก ตำแหน่งที่ตั้งอู่รถที่ให้บริการแล้ว ด้านค่าใช้จ่าย และ service อื่นที่คุยได้ ก็เป็นสิ่งที่เจ้าของรถ หรือผู้บริโภค ต้องการทราบก่อนนำรถเข้าซ่อมด้วยเช่นกันสำหรับผู้ยังไม่เคยใช้บริการ ทำความรู้จักกับ Carsub ง่ายๆ ด้วยการโหลดแอปพลิเคชันมาไว้ในโทรศัพท์มือถือ

Carsub มาพร้อมฟีเจอร์ต่างๆ มากมายที่จะทำ ให้การค้นหาอู่ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพื่อให้ทุกท่านได้ เจอกับอู่ที่ตรงกับความต้องการให้ได้มากที่สุด

ช่องทางการติดต่อ CARSUB: https://www.carsup.co/

บทความนี้อยู่ภายใต้โครงการ Startup Thailand Connext สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Related Posts

ปก1

Myket Pro เครื่องมือบริหารตลาด-พื้นที่เช่า ยอดเยี่ยม

Myket Pro เครื่องมือบริหารตลาด-พื้นที่เช่า ยอดเยี่ยม

• อสังหาฯ อย่าปล่อยไร้ประโยชน์ จับทำตลาด-พื้นที่เช่าเพิ่มมูลค่า ช่วยคนมีของเข้าทำเงิน
• ชู Myket Pro ระบบบริหารตลาด-แผงค้าปล่อยเช่า สุดง่าย
• ย้ำจุดเด่น จัดการข้อมูลครบวงจร – โปร่งใส – ตรวจสอบได้ ลดการทุจริตในองค์กร

เมื่อเราก้าวเข้ามาอยู่ในยุคที่ อะไรๆ ก็มีเทคโนโลยีช่วย จงเสาะแสวงหาการต่อยอด ปั้นทรัพย์สินที่มีต่อยอดทำเงิน เพื่อความมั่งคั่ง ยั่งยืน ล่าสุด Startup คนไทย คิด “Myket Pro – ระบบบริหารตลาด-แผงค้าปล่อยเช่า” ช่วยกลุ่มเจ้าของตลาด และเจ้าของพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์ ให้บริหารจัดการพื้นที่ง่ายขึ้น ในรูปแบบออนไลน์ ฉะนั้น ใครมีสินทรัพย์เหล่านี้ แล้วอยากต่อยอดเป็นเงินเป็นทอง อย่าช้า!! จะได้ไม่เสียโอกาส

เรียกได้ว่า ‘Myket Pro’ ที่มีผู้ก่อตั้ง คือ ศิรินยา เหลือประเสริฐ Vice President บริษัท ฮอร์แกไนซ์ จำกัด เป็นธุรกิจของสตาร์ทอัพ คนไทยอีกราย ที่ประสบความสำเร็จ มีตลาดทั่วประเทศสนใจนำระบบที่คิดขึ้นนี้ ไปใช้บริหารตลาด-แผงค้า ของตัวเองกันจำนวนมาก เพราะ Myket Pro คือ ระบบบริหารตลาด/แผงค้าปล่อยเช่า ในรูปแบบ online ครอบคลุมการทำงานทั้งหมด จัดเป็นตัวช่วยดีๆ สำหรับผู้บริหาร และผู้ดูแลตลาด ด้วยฟังก์ชั่นการทำงานที่รองรับการบริหารงานตลาดตั้งแต่ต้นจนจบ สามารถแสดงผลในรูปแบบผังตลาด (Floor plan) การจองแผงค้า จัดการสัญญาเช่า ออกใบแจ้งหนี้ วิเคราะห์ผลประกอบการ รองรับการเชื่อมต่อกับโปรแกรมบัญชี/ERP ขององค์กร 

ศิรินยา ยังตอกย้ำถึงการพัฒนาโปรดักส์ ว่ามาจากการถอดปัญหาการทำงานขององค์กรที่ประกอบธุรกิจตลาดทุกประเภทมาเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็น ตลาดค้าส่ง/ปลีก ตลาดสด ไนท์มาร์เก็ต โดยการทำงานลงพื้นที่ พูดคุยกับ ผู้ใช้งานจริง เพื่อให้ได้ระบบที่ดีที่สุด ความปลอดภัยสูงที่สุด และตอบโจทย์การทำงานของ ลูกค้าที่สุด การันตีด้วยประสบการณ์ดูแลลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ปล่อยเช่ามากกว่า 10,000 โครงการทั่วประเทศ ซึ่งต่างก็เชื่อมั่น ระบบและทีมงาน Myket Pro ทั้งสิ้น หลายคนชูความสะดวกในทุกด้าน ปิดจบหลากหลายปัญหาที่เคยมี เช่น ตลาดฟ้าไทย : คุณแนน (เจ้าของตลาด ดูแลต่อจากครอบครัว) เผย “ตลาดเปิดมาแล้ว 20 ปี ใช้กระดาษในการทำงานมาโดยตลอดเลยค่ะ ทำให้ข้อมูลการเก็บเงิน ข้อมูลผู้ค้าค่อนข้างกระจัดกระจาย หลังจากใช้ Myket แล้ว หน้าระบบดูง่าย รวมทุกอย่างในหน้าเดียวเลย ทำให้การทำงานเป็นระบบมากขึ้น ช่วยลดขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลด้วยค่ะ” ตลาด เค สเปซ : คุณเดมี (แอดมินประสานงานขาย) ระบุ “ตลาดเราเพิ่งเปิดดำเนินการได้ไม่นานค่ะ การจัดเก็บหรือรวบรวมข้อมูลของผู้ค้า ค่อนข้างไม่เป็นระบบ และตกหล่น การทำงานหรือการประสานงานภายในองค์กรก็ไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร ตอนนี้ตั้งแต่รู้จักกับ Myket การทำงานรวดเร็วขึ้น ทันสมัย ครอบคลุมการทำงานทั้งภายในองค์กร รวมถึงการส่งต่อข้อมูลถึงผู้ค้าอย่างเป็นระบบ” 
ตลาดไนท์บ้านเกาะ : คุณเดียร์ (ผู้จัดการตลาด) กล่าวด้วยว่า “ก่อนหน้านี้ทางตลาดให้ผู้ค้าเข้ามาติดต่อที่สำนักงานตั้งแต่การรับจองผู้ค้า รับเงินค่าเช่าล็อค รวมถึงการรับแจ้งเรื่องต่างๆ ซึ่งอาจจะมีปัญหาในการตรวจสอบ ตั้งแต่ใช้งานระบบ Myket Pro และผู้ค้าเริ่มทยอยดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ที่สามารถรับบิลค่าเช่า ชำระเงิน และแจ้งคำร้องต่างๆ ได้ ทำให้ตลาด สามารถจัดการเรื่องเหล่านี้ได้เป็นอย่างดีเลยครับ”
และยังมีตลาดอีกมากมายหลายพื้นที่ ที่กล่าวถึงความสะดวกสบายเมื่อมาใช้ Myket Pro ซึ่ง ณ จุดนี้ ก็กล่าวได้ว่า บรรลุวัตถุประสงค์ของผู้ร่วมพัฒนา ‘ศิรินยา’ เป็นอย่างดี ทั้งยังตอกย้ำ การทำงานที่ตอบโจทย์ธุรกิจตลาด และทำให้การบริหารจัดการตลาดเป็นไปได้อย่างมืออาชีพ ทำให้ระบบนิเวศของตลาดเติบโตอย่างยั่งยืน

“จริงๆ พอพูดถึงธุรกิจตลาด หลายคนอาจคิดถึงภาพของพ่อค้า-แม่ค้า การจับจ่ายใช้สอยในตลาด แต่ว่า พอลงไปทำความเข้าใจธุรกิจนี้จริงๆ จะเห็นว่า เป็นธุรกิจที่ปราบเซียนอีกหนึ่งธุรกิจเลย ปัญหาแรกจะเป็นเรื่องของ การจัดสรรแผงค้า เวลาที่ต้องคัดเลือกผู้ค้า หรือว่า เอาพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาในตลาดเนี่ย เราจะเริ่มเจอปัญหาแล้วว่า จะจัดสรรไปที่แผงค้าไหนดี โซนไหนดี เวลาที่พ่อค้าแม่ค้ามาแจ้งปัญหาต่างๆ ภายในตลาด ก็ยังเป็นการบันทึกกันผ่านกระดาษอยู่ ซึ่งเราก็จะไม่รู้เลยว่า มันดำเนินเรื่องไปถึงไหนแล้ว แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่า มาตรฐานการให้บริการของตลาดเราตอนเนี้ยะ เป็นไปในทิศทางไหน หรือว่าอีกเรื่องนึงก็คือปัญหาในเรื่องของเงิน เวลาใครจ่ายเงินมาแล้วบ้างเนี่ย กว่าจะรู้ต้องรอทีมงานตลาดทำการสรุปมา ซึ่งข้อมูลก็จะไม่ Real Time นะคะ แล้วก็ในเรื่องของการวิเคราะห์ภาพรวมธุรกิจ เรามีการบริหารตลาดไปในรูปแบบไหน ก็จะเห็นภาพได้ค่อนข้างยากค่ะ” ศิรินยา กล่าว

ซึ่งนี่ก็คือ ความฉลาดของระบบ ที่เข้าช่วยอำนวยความสะดวกกับเจ้าของ ใครที่อยากใช้ แต่กังวลว่า ไม่ใช่คนสายไฮเทคโนโลยี กลัวไม่รู้เรื่อง-ใช้ไม่เป็น ข้อนี้ให้วางใจได้ เพราะว่า Myket Pro มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ดูแลลูกค้าตลอดอายุการใช้งาน ไม่เป็นก็สอนได้แบบไม่เบื่อ หรือ จนกว่าจะใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกังวลเลยว่า ระบบต่างๆ ของ Myket Pro ตัวนี้จะใช้งานยาก หรือว่าลูกค้าจะใช้งานไม่เป็น … นี่แหละ คือสิ่งที่เรียกว่า “การปลดล็อกพลังการจัดการตลาดยุคใหม่” ด้วยระบบบริหารตลาดอัจฉริยะ ช่วยเจ้าของตลาดทั้งมือใหม่-มือเก๋า บริหารจัดการตลาดและแผงค้าเช่าของตัวเองได้อย่างมืออาชีพ เจ้าของตลาดทุกเจ้า ลืมภาพความยุ่งยากในอดีตไปได้เลย

ช่องทางการติดต่อ 

Myket Pro: https://www.myket.in.th/ และ https://www.facebook.com/myketpro


บทความนี้อยู่ภายใต้โครงการ Startup Thailand Connext สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Related Posts

ปก1

OneCharge แอปฯสำหรับ EV ไทย ตอบโจทย์ทั้งคนขับ EV และการต่อยอดธุรกิจ

OneCharge แอปฯสำหรับ EV ไทย ตอบโจทย์ทั้งคนขับ EV และการต่อยอดธุรกิจ

• OneCharge สตาร์ทอัพ หนุนนโยบายรัฐ เดินหน้าพลังงานไฟฟ้า (EV) 
• ทำทุกการชาร์จ เป็นเรื่องง่าย ตอบโจทย์ประชาชน คนทำธุรกิจ องค์กรรัฐ 
• ชูเป็นแอปพลิเคชัน ทุกเรื่อง EV ไทย

“สุดท้ายแล้วคนจะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) !!! ที่เห็นทุกวันนี้มันไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นความจำเป็นที่ทุกคนบนโลกใบนี้ต้องเปลี่ยน ทั่วโลกเปลี่ยน นโยบายชาติเราก็เปลี่ยน… ลงมาถึงประชาชนแม้ไม่ได้บังคับ แต่ภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรมใหม่ๆ ต้องเกิดขึ้นมาแบบตอบโจทย์โลกหมดแล้ว ในเมื่อเราต้องพุ่งไปเส้นทางเดียวกัน จะช้าจะเร็วรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ก็คือคำตอบ”
OneCharge ถือว่าเป็นสตาร์ทอัพที่เกิดขึ้นมา เพื่อตอบรับวงการพลังงานไฟฟ้า และเป็นอีกแรงหนุนนโยบายรัฐบาลในการเดินหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ได้เร็วขึ้น (ก่อนเป้าเดิมที่กำหนดภายในปี 2608) ขณะนี้ต้องยอมรับว่า ผู้คนเห็นดีเห็นงามกับการใช้รถยนต์ไฟฟ้า อันมีเหตุผลหลักก็คือ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ดูดเงินในกระเป๋าน้อยกว่าการใช้รถน้ำมัน ช่วยประหยัดได้มาก แต่อุปสรรคข้อใหญ่คือ ‘ความกังวลเรื่องสถานีชาร์จ’ ว่า ถ้าชาร์จรถยนต์ออกจากบ้าน วิ่งไปที่จุดหมายปลายทางหลักร้อยกิโลเมตร เราจะชาร์จได้อีกทีที่จุดไหน บริเวณใกล้เคียงจุดที่ไปจะมีไหม? หรือมีแต่อยู่ห่างออกไปกี่มากน้อย ฯลฯ จุดนี้คือสิ่งที่ทำให้คนขับรถไฟฟ้า ต้องใช้การวางแผนล่วงหน้ามากขึ้น… แต่ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า ‘EV มาแน่’ และเรื่องของ EV ก็ไม่ได้มีแค่ ‘EV Charger’ นี่จึงเป็นที่มาให้ OneCharge เกิดขึ้น พร้อมตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า และนักธุรกิจ
ธีรภัทร์ ธิติโสตถิกุล CEO และผู้ก่อตั้ง บริษัท วันชาร์จ โซลูชั่น จำกัด เปิดตัว OneCharge ในฐานะเป็นศูนย์รวม ในรูปแบบแพลตฟอร์มที่รวบรวมผู้ติดตั้ง ผู้ปฏิบัติงาน ผู้ให้บริการ ผู้ขับขี่ EV และธุรกิจสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าเข้ามาไว้ด้วยกันจำนวนมาก จึงตอบโจทย์ผู้ใช้รถ EV ได้เป็นอย่างดี ช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่า จะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เมื่อใช้รถยนต์ EV ในระยะทางไกล ขยายความ การทำงานให้ OneCharge เป็นระบบจัดการสำหรับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่ให้บริการทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ เพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงขององค์กรและผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า บริการของ OneCharge ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสถานะการชาร์จ ควบคุมค่าใช้จ่าย และจัดการสถานีชาร์จได้อย่างสะดวกสบาย ผ่านแพลตฟอร์มที่รวมฟังก์ชันทั้งหมดไว้ในที่เดียว นอกจากนี้ OneCharge ยังมีระบบชำระเงินสำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่รองรับการใช้งานในทั้งภาครัฐและเอกชน ช่วยเพิ่มความสะดวกและความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการในทุกๆ ด้าน ซึ่งถ้าหากสถานที่ใดต้องการติดตั้งเครื่องชาร์จ OneCharge มีบริษัทพันธมิตรที่ร่วมมือกับช่างผู้เชี่ยวชาญในการสำรวจหน้างานและติดตั้ง รวมถึงจำหน่ายอุปกรณ์ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่นจากทั่วโลก เพื่อให้การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด
“เราทำให้การชาร์จ EV เป็นเรื่องง่าย ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และ เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีพื้นที่สามารถเป็นเจ้าของสถานีชาร์จได้ง่ายที่สุด” แน่นอนว่า OneCharge เป็นการคิดธุรกิจเพื่ออนาคต กลุ่มเป้าหมายหลัก เป็นทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชน ที่ต้องการติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือหน่วยงานที่เปลี่ยนรถยนต์น้ำมันมาเป็นไฟฟ้า รวมถึงผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการใช้บริการชาร์จที่สะดวกและมีประสิทธิภาพ ซึ่งก็จะอำนวยความสะดวกให้กลุ่มเป้าหมายทุกๆ ส่วนด้วยแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย รวมฟังก์ชันการจัดการทั้งหมดไว้ในที่เดียว รองรับการชำระเงินและตรวจสอบสถานะการชาร์จแบบเรียลไทม์ พร้อมบริการติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ในคุณภาพและความสะดวก ข้อดีอีกข้อของแพลตฟอร์มของ OneCharge คือมีความยืดหยุ่นสามารถปรับใช้งานได้กับหลากหลายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า นี่จึงไม่น่าแปลกใจ OneCharge ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ เช่น NIA ในการพัฒนานวัตกรรมและขยายโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มความสามารถในการให้บริการและขยายตลาดในประเทศ และต่างประเทศ น่าจับตากันเลยทีเดียว สำหรับการเติบโตในวงการ EV ไทย โดยไม่ว่าจะคิดแค่มีรถยนต์ EV หรือคิดจะทำธุรกิจ EV หากได้รู้จัก OneCharge แล้วจะรักกันยาวๆ

ช่องทางการติดต่อ 

OneCharge: https://onecharge.co.th/ และ https://www.facebook.com/onechargeth


บทความนี้อยู่ภายใต้โครงการ Startup Thailand Connext สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Related Posts

ปก1

Nayoo แพลตฟอร์มรวมพล คนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์

Nayoo แพลตฟอร์มรวมพล คนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์

• สตาร์ทอัพไทย สร้างแพลตฟอร์ม Nayoo รวมอสังหาริมทรัพย์แต่ละจังหวัด เพื่อคนซื้อ-ขาย ทำธุรกิจ เข้าถึงอสังหาฯ ง่าย
• ชี้จุดแข็ง เป็นศูนย์รวมครบ จบที่เดียว ตอบทุกการค้นหา และเฟ้นทำเลศักยภาพ
• เบื้องต้น บริการฐานข้อมูล 9 จังหวัด อนาคตขยายคลุมทั้งประเทศ
เพราะเรื่อง ‘ที่อยู่อาศัย’ เป็นเรื่องของทุกคน และเป็นความจำเป็นของทุกชีวิต หากจะกล่าวถึงวงการที่อยู่อาศัย ก็มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงตั้งแต่ คนหาที่พัก คนคิดสร้างบ้าน คนทำธุรกิจซื้อ-ขาย-เช่า และในระบบนิเวศอีกมากมาย เรียกว่า วงการนี้ใหญ่โตมาก ทั้งยังเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจประเทศด้วยทางหนึ่ง นั่นจึงเป็นที่มาให้เกิดแพลตฟอร์ม Nayoo (น่าอยู่) กับคอนเซปต์ที่น่าสนใจ และถ้าจะคอนเฟิร์มกันจริงๆ ก็ต้องเข้าไปทำความรู้จัก
Nayoo เป็นแพลตฟอร์มสำหรับค้นหาที่อยู่อาศัย พัฒนาขึ้นโดยสตาร์ทอัพไทย ชื่อ ภัคณัฏฐ์ บุญเชิดชัยยันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น่าอยู่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเล็งเห็นแล้วว่า ตลาดที่อยู่อาศัยเป็นตลาดขนาดใหญ่ ในท่ามกลางความต้องการของผู้คนซึ่งมีอย่างต่อเนื่อง เมื่อวิเคราะห์ความต้องการของตลาดก็จะมีประเภทของผู้ต้องการที่อยู่อาศัย ทั้งแบบชั่วคราว และถาวร/ระยะยาว โดยแบบชั่วคราว เช่น การเช่าที่พักรายเดือน รายปี ซึ่งก็จะมีประเภทอพาร์ตเมนท์ คอนโดมิเนียม บ้าน หรือถ้าแบบระยะยาว ก็มีทั้งบ้าน ตึก อาคารพาณิชย์ เป็นต้น ซึ่งในตลาดก็มีจำนวนมาก… แง่ของผู้มีความต้องการ การมานั่งค้นหาในแต่ละเจ้า อาจต้องใช้เวลานาน จะดีกว่าไหม? ถ้ามีผู้รวบรวมไว้ให้ดูแล้ว… นั่นจึงเป็นที่มาให้ Nayoo คิดอำนวยความสะดวก “เป็นศูนย์รวมคนซื้อและขายอสังหาริมทรัพย์ รวมอสังหาริมทรัพย์ทุกๆ ประเภทในทำเลศักยภาพ ที่กระจายตัวในพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ไว้ในที่เดียว” แพลตฟอร์ม Nayoo ตอบโจทย์การค้นหาอสังหาริมทรัพย์อย่างไรบ้าง?
ต้องบอกว่า เมื่อแพลตฟอร์ม Nayoo (น่าอยู่) พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า ที่ต้องการหาที่อยู่อาศัย ในแต่ละจังหวัดของประเทศไทย มีให้เลือกครบทั้งบ้านโครงการใหม่ คอนโด ทาวน์โฮม ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์มือสอง รวมถึงห้องเช่าและหอพัก ที่หาข้อมูลได้ครบในแพลตฟอร์มเดียวกัน ตอบโจทย์การหาที่อยู่อาศัยในแต่ละจังหวัดได้ครบทุกมิติ ทำให้คนหาบ้านได้ที่อยู่อาศัยในราคาและการบริการที่ดีที่สุด พร้อมนำเสนอโมเดลธุรกิจใหม่ที่เน้นการเข้าถึงและช่วยเหลือคนหาที่อยู่อาศัยในแต่ละจังหวัดได้ดียิ่งขึ้น

โดยปัจจุบัน น่าอยู่ ให้บริการ 2 แพลตฟอร์ม ได้แก่
1. แพลตฟอร์มน่าอยู่ เป็นแพลตฟอร์ม (เดิม) สำหรับค้นหาที่อยู่อาศัย เป็นศูนย์รวมคนซื้อและขายอสังหาริมทรัพย์ที่กระจายตัวในพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยการให้ข้อมูลที่ครบถ้วน อัพเดท และใช้งานง่ายที่สุด โดยมี Partner และทีมงานอยู่ในทุกจังหวัดที่ขยายแพลตฟอร์มไป ช่วยให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงข้อมูลทรัพย์ที่น่าเชื่อถือ น่าอยู่ให้บริการค้นหาที่อยู่อาศัยครบ 4 หมวด ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเดียวในประเทศไทยที่ให้บริการครอบคลุมครบทั้งหมดประกอบด้วย
1) หาซื้อโครงการใหม่
2) หาซื้อบ้านมือสอง
3) หาเช่าอสังหาฯ/หอพัก
4) หาบริษัทรับสร้างบ้าน
และนอกจากนี้ ในปัจจุบันได้ขยายแพลตฟอร์มการให้บริการเพื่อขยายตลาดการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มบ้านพร้อม ซึ่งเป็นรูปแบบการให้บริการเพื่อเป็นตัวกลางระหว่างผู้ต้องการขายอสังหาริมทรัพย์ นายหน้า และผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาในการทำงานของนายหน้าและช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น ทำให้เกิดความมั่นใจในการทำการตลาดมากขึ้นอีกด้วย
2. แพลตฟอร์มบ้านพร้อม เป็นแพลตฟอร์มใหม่ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มในการขยายตลาดการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีรูปแบบการให้บริการในการเป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อ ผู้ขายและนายหน้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อช่วยให้มีการทำงานง่ายขึ้น เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาในการทำงานของนายหน้า ทำให้ผู้ขายสามารถติดตามการทำงานของนายหน้าได้ อีกทั้งช่วยสร้างความมั่นใจในการซื้อขายทรัพย์ผ่านนายหน้า
ซึ่งก็ต้องถือว่า Nayoo เป็นหนึ่งในหลายๆ ร้อยสตาร์ทอัพไทย ที่ฉายแสงแห่งความสำเร็จ มีแนวคิดเป็นที่น่าสนใจ คอนเฟิร์มจากการได้รับทุน Open Innovation ในการพัฒนาโครงการ ระบบวิเคราะห์คุณภาพอสังหาริมทรัพย์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ ในปี 2565 และจากนั้นห่างไปอีกแค่ 2 ปี (2567) ยังได้รับทุน Regional Market Validation ในการขยายตลาดด้วยโครงการแพลตฟอร์มบ้านนายหน้า เป็นที่มาให้เราได้เห็นผลงานของ Nayoo ในวันนี้ ที่ตอบโจทย์คนวงการอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างดี
นี่คือ นักพัฒนาตัวจริง ผลงานใช้ได้จริง เปิดบริษัทมาตั้งแต่ปี 2564 โดยมีจุดเริ่มต้นที่ ขอนแก่น … ใช้ระยะเวลาไม่ถึง 3 ปี รวมอสังหาริมทรัพย์ไว้ให้คนช๊อป ให้คนต่อยอดทำธุรกิจถึง 9 จังหวัดแล้ว ซึ่งได้แก่ ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี บุรีรัมย์ สุรินทร์ ชลบุรี ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) และพิษณุโลก…ซึ่งแน่นอนว่า อนาคตก็จะขยายพื้นที่อสังหาฯ เพื่อการค้นหาเพิ่มหลายจังหวัดมากขึ้น ตอบโจทย์เป็น ‘ศูนย์รวมอสังหาริมทรัพย์’ จุดนัดพบของคนซื้อ-ขาย คนทำธุรกิจ ให้ได้มาเจอะเจอกัน และยิ่งถ้าหากเป็นหน่วยย่อย อยากหาหอพักให้ลูกสาว-ลูกชาย ที่จะไปเรียนนอกเขตจังหวัดที่ตัวเองอยู่ ยิ่งหมดกังวล เพราะ Nayoo จะทำให้เห็นที่พักในจังหวัดที่กำลังจะไปได้ง่ายขึ้น หมดความกังวลได้ทีเดียว … นี่แหละ แพลตฟอร์มน่าอยู่ ยิ่งรู้จัก ก็ยิ่งรัก จริงๆ และอนาคตฐานก็มูลก็ยิ่งใหญ่มากขึ้น แน่นอน!!!

ช่องทางการติดต่อ

แพลตฟอร์มNayoo:nayoo.co/khonkaen และ https://www.facebook.com/khonkaennayoo

บทความนี้อยู่ภายใต้โครงการ Startup Thailand Connext สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Related Posts

Green Passive Income Ideas YouTube Thumbnail - 11

Shin Shiba มิติใหม่วงการโรงแรม ใช้ ‘พนักงานต้อนรับเสมือนจริง’

Shin Shiba มิติใหม่วงการโรงแรม ใช้ ‘พนักงานต้อนรับเสมือนจริง’

• ชินชิบะ สตาร์ทอัพโรงแรมไทย สร้าง SHIN Platform พลิกโฉมวงการโรงแรมริเริ่มใช้ ‘พนักงานต้อนรับเสมือนจริง’ ลูกค้าเข้าพักบริการตัวเอง 100%
• ชี้จุดเด่น ลดต้นทุน และช่วยการบริหารจัดการโรงแรม เป็นไปได้ง่าย
• ตั้งเป้า ขยายเครือโรงแรมชินทั่วไทย-ต่างประเทศ เริ่มบุกญี่ปุ่นแล้ว

ยุคโควิด 19 ระบาด สร้างการเปลี่ยนแปลงมากมาย โดยเฉพาะธุรกิจบริการ อย่างโรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร บาร์ คาราโอเกะ ฯลฯ ที่ขณะนั้นกล่าวได้ว่า ห้วงเวลาของการต้องหยุดประกอบกิจการยาวนานถึง 2 ปีกว่า ทำให้เกิดการล้มหายตายจากของธุรกิจบริการจำนวนมาก โดยเฉพาะกิจการขนาดเล็กซึ่งมีสายป่านสั้น… แต่เชื่อหรือไม่? ว่าถ้าหากเกิดเหตุการณ์ซ้ำที่แม้ไม่ใช่โควิด แต่ยังทำให้คนต้องเว้นระยะห่างอีกครั้ง ธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กจะอยู่ได้ ไม่ต้องรับความรู้สึกดิ่งเหวอีกต่อไป อันเนื่องมาจากขณะนี้ มีสตาร์ทอัพคิดระบบการบริการรูปแบบใหม่ให้แล้ว สิ่งนั้นคือ ระบบการบริหารจัดการโรงแรมที่ ‘ไม่ใช้พนักงาน’ พร้อมให้ ‘ลูกค้าบริการตัวเอง’ หรือ Self Service 100% ภายใต้ชื่อ SHIN Platform 

SHIN Platform ทำงานอย่างไรบ้าง?

แสงตะวัน อ่อนน่วม CEO บริษัท ชิบะรูม จำกัด สตาร์ทอัพ ผู้พัฒนา SHIN Platform เผยว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงตั้งแต่การบริการของพนักงานต้อนรับ ลงลึกถึงการบริหารจัดการโรงแรมในทุกๆ ส่วน ซึ่ง SHIN Platform จะตอบโจทย์ได้หมด จากโจทย์ข้อใหญ่ที่กล่าวข้างต้น หากทุกคนต้องเว้นระยะห่าง เราจึงคิด ‘ไม่มีพนักงานต้อนรับ’ และให้ลูกค้าบริการตัวเอง 100% ซึ่งข้อนี้ไม่ได้หมายความว่า เราจะปล่อยให้ลูกค้าโดดเดี่ยว เพราะทางโรงแรมมีพนักงานต้อนรับเป็นน้องโรบอท ที่เราเรียกอย่างเป็นทางการว่า พนักงานต้อนรับเสมือนจริง (Virtual Reception) หรือคือ ‘ตู้คีออส’ นั่นเอง โดยตู้นี้เมื่อกดสตาร์ท จะมี ‘น้องฮานะ’ มาคอยให้ข้อมูล ซึ่งโรงแรมชินชิบะ (Shiba Hotel) หรือ SHIBA ROOM เริ่มนำมาใช้ที่สาขามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เป็นที่แรก และปัจจุบันมีให้บริการที่ชิบะโฮเทลในทุกสาขา ตั้งแต่การเช็กอิน ยันเข้าห้องพัก อย่างไม่ยาก

“เราเปิดให้บริการพนักงานต้อนรับเสมือนจริงสาขาแรกที่ ชิบะรูม สาขามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ภายใต้

แนวคิด ‘Self Service Budget Hotels’ เป็นโรงแรมที่ไม่มีพนักงานคอยให้บริการ ลูกค้าที่มาใช้บริการก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด หลายคนชี้ไปถึงการดีไซน์ภายใน ว่า สวยถูกใจ สไตล์ญี่ปุ่น แง่การให้บริการก็อย่างที่แจ้ง คือทุกอย่างจะถูกออกแบบมาให้แขกที่เข้าพักสามารถบริการตัวเอง (Self Service) ได้เองทั้งหมด ซึ่งจากกระบวนการทำงานที่ใช้เทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วยก็ทำให้การบริหารโรงแรมในเครือชิน ลดต้นทุนด้านบริหารจัดการไปได้มาก เพิ่มรายได้ ลดปัญหาด้านพนักงานกะกลางคืน ที่ต้องมาประจำตลอดเวลา และอีกส่วนที่สำคัญคือ สามารถมีเวลาไปพัฒนาส่วนอื่นๆ ของโรงแรมต่อได้ หากคิดขยายสาขาก็ทำได้ง่ายขึ้น”

SHIN Shiba เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการโรงแรมแล้วว่า นอกจากการขายระบบ หรือแพลตฟอร์มให้เพื่อนๆ ในวงการโรงแรม-ที่พักซื้อระบบไปใช้แล้ว ยังมีอีกส่วนที่สำคัญคือ “การรับบริหารโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่มีจำนวนห้องอยู่ระหว่าง 14-100 ห้องอย่างเต็มรูปแบบ” ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ว่าเราจะให้บริการอยู่ที่ไหน ชิบะ เน้นสร้างมาตรฐานการบริการของโรงแรมให้อยู่ในระดับเดียวกันทุกสาขา นอกจาก พนักงานเสมือนจริง บนตู้คีออสแล้ว ยังใช้ การบริหารและการจัดการแบบส่วนกลาง (Centralized Operation) ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรโรงแรม และเพิ่มประสิทธิภาพของการขาย เป็นการช่วยทำงานแทนเจ้าของได้เป็นอย่างดี ขณะที่ผู้ใช้บริการเข้าพัก ก็ได้ห้องพักที่ดีมีมาตรฐานในราคาประหยัด

พันธมิตร SHIN SHIBA 

จากชื่อเสียงที่รู้กันในวงการ ทำให้ปัจจุบันโรงแรมชินชิบะ ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของโรงแรมในการบริหารงานและเริ่มมีโรงแรมในเครือแล้ว 2 โรงแรม รวมถึงมีเจ้าของโรงแรมที่เข้ามาพูดคุยและอยู่ในขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการอยู่ 8 โรงแรมทั่วประเทศไทย โดยมีทั้งที่จังหวัดอุดรธานี อุบลราชธานี สุรินทร์ ขอนแก่น ภาคใต้ที่จังหวัดตรัง ภูเก็ต ภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ และกรุงเทพฯ ที่ย่านเยาวราช เป็นต้น โดยศึกษาความเป็นไปได้ในการบริหารโรงแรม ทั้งภายใต้แบรนด์ของ SHIN Shiba และการนำระบบพนักงานเสมือนจริง (Virtual Reception) เข้าไปใช้ โดยที่ยังเป็นแบรนด์ของเจ้าของโรงแรมเอง ซึ่งนี่ก็คือ ความตั้งใจที่จะขยายเครือข่ายแบรนด์โรงแรม SHIBA ROOM ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นี่แหละ นวัตกรรมช่วยเปลี่ยนวิกฤตเก่า สร้างโอกาสใหม่…และเชื่อว่า จะมีโรบอทที่ตอบโจทย์มนุษย์และธุรกิจ เกิดขึ้นอีกมากมาย ซึ่งสตาร์ทอัพไทย ถือว่า แก้วิกฤต-ปิดจบปัญหาธุรกิจบริการกับการต้องเว้นระยะห่างไปได้แล้ว แถมยังต่อยอดให้ตัวเอง และธุรกิจประเภทเดียวกัน ได้ลดค่าใช้จ่าย มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น รวมถึงผู้ขาดประสบการณ์บริหารโรงแรม หากต้องการมีธุรกิจเล็กๆ แต่ยังขาดความชำนาญ ก็มาใช้แพลตฟอร์ม SHIBA นี้ได้เช่นกัน

ขยายจุดเด่น SHIBA Platform

ทั้งนี้ ไม่เพียงการบริหารโดยระบบ ‘พนักงานเสมือนจริง’ (Virtual Reception) เท่านั้นที่จัดว่าเป็นจุดเด่น แต่ SHIBA Platform ยังมีระบบ IT อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการโรงแรมอย่างครบวงจรอีก ไม่ว่าจะเป็น PMS, POS, Reputation Management, Channel Manager, HR, etc. ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้กล่าวได้ว่า เจ้าของธุรกิจที่มาเป็นพาร์ตเนอร์ จะไม่ต้องเสียเวลาติดต่อตัวแทนการขายใดๆ เอง และไม่มีค่าใช้จ่ายด้านระบบ IT เพิ่มแต่อย่างใด

ถือได้ว่า เป็นอีกสตาร์ทอัพดาวรุ่งพุ่งแรง อีก 1 ในผู้ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ที่นำมาพัฒนาระบบ Virtual Reception จนประสบความสำเร็จ หลังจากนั้น ยังร่วมแข่งแข่งขันรายการนิลมังกร โครงการ Brain Power : พลิกวิกฤตโรงแรมด้วยนวัตกรรม ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือโครงการสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทย รุ่นที่ 2  และล่าสุด ยังได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2566 อีกรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ รางวัลการันตีมากขนาดนี้ ก็ไม่แปลกใจที่นวัตกรรมบริการที่ทำขึ้นได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะกับพันธมิตรที่คาดการณ์ได้ว่า จะมีมากขึ้นต่อเนื่อง อย่างน้อยนับจากนี้ เจ้าของเองก็มุ่งมั่นตั้งใจขยายสาขาเครือโรงแรมชินชิบะ ไปยังหัวเมืองหลักทั่วประเทศไทยแล้ว พร้อมกับเดินหน้าเปิดโรงแรมที่พักในเครือชินฯ ที่ฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

ช่องทางการติดต่อ 

SHIBA Platform: https://www.shibaroomth.com/

บทความนี้อยู่ภายใต้โครงการ Startup Thailand Connext สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Related Posts